"บิ๊กป้อม" ประเดิมตำแหน่ง "รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี" ถกคณะกรรมการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ แจ้งเตือนภัยใช้ระบบ Cell Broadcast เพื่อแจ้งยกระดับการเตือนภัยของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น  


วันที่ 25 ส.ค. 65 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 โดยมี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.กระทรวงมหาดไทย รองประธานกรรมการคนที่ 1 นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายรัฐพล นราดิศร รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ พ.ศ.2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 ข้อ 6 ได้กำหนดให้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (กภช.) เพื่อทำหน้าที่เสนอนโยบาย มาตรการ และแผนบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ พร้อมจัดทำแนวทาง แผนงาน และโครงการต่างๆ ในการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เพื่อเป็นกรอบแนวทางการปฏิบัติแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเป็นศูนย์ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการเตือนภัยพิบัติของประเทศ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย และผู้ทรงคุณวุฒิเป็นรองประธาน หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 30 หน่วยงาน และผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมเป็นกรรมการ

...

โดยในวันนี้เป็นวาระที่คณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อ (ร่าง) คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณา (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์การบริหารระบบการเตือนภัยแห่งชาติ พ.ศ.2566-2570 เพื่อทำหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทาง นโยบาย มาตรการ และแผนการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เสนอต่อ กภช. โดยเฉพาะการจัดทำ (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์การบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ พ.ศ.2566-2570 ซึ่งจะเป็นแผนหลักในการขับเคลื่อนการบริหารระบบการเตือนภัยของประเทศที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยจะมีการกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนและมีแผนงานโครงการต่างๆ ที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องมาร่วมดำเนินการ นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางการดำเนินการแจ้งเตือนภัยโดยใช้ระบบ Cell Broadcast เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแจ้งเตือนภัยให้ดียิ่งขึ้น ซึ่ง Cell Broadcast เป็นระบบที่ช่วยให้ทำการแจ้งเตือนภัยได้อย่างทั่วถึงผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ สามารถส่งข้อความตรงถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ช่องทางพิเศษแยกจากช่องสัญญาณปกติ ทำให้มีความเสถียร ไม่เกิดการติดขัดของสัญญาณเครือข่ายและการส่งข้อมูล อีกทั้งมีเสียงการแจ้งเตือนมีรูปแบบเฉพาะ ผู้รับบริการไม่ต้องโหลดแอปพลิเคชัน และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมรวมถึงมีความปลอดภัยของระบบในการแจ้งเตือนและรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ซึ่งหลาย ประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา ฯลฯ ก็ได้มีการนำระบบ Cell Broadcast มาใช้เพื่อแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนเช่นเดียวกัน โดยได้มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานหลักดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และขอความร่วมมือหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ มาร่วมขับเคลื่อนการทำงานเพื่อเพิ่มช่องทางการแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนภารกิจด้านการบริหารระบบการแจ้งเตือนภัยพิบัติของประเทศ เพื่อยกระดับการแจ้งเตือนภัยของประเทศให้มีเอกภาพตามมาตรฐาน

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะได้นำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ และผู้ทรงคุณวุฒิ ไปเป็นแนวทางในการจัดทำ (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์การบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ พ.ศ.2566-2570 พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนการนำระบบ Cell Broadcast มาใช้เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการกระจายข้อความและแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาและยกระดับการแจ้งเตือนภัยของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น.

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ได้กำชับกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย รวมทั้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผนงาน จะต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน อย่างมีเอกภาพ เพื่อยกระดับการแจ้งเตือนสู่ระดับที่สูงขึ้น สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและปฏิบัติงานได้จริง เพื่อลดความเสี่ยง ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างมหาศาล จากภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว อาทิ น้ำท่วมฉับพลัน ไฟป่า แผ่นดินไหวหรือ สึนามิ เป็นต้น

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถือเป็นภารกิจแรกของพล.อ.ประวิตร ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี หลังศาลรัฐธรรมนูญศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของนายกรัฐมนตรีและมีมติเสียงข้างมากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 65 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย