นิทานเรื่อง แหล่หลวงตากินเต่า...ที่ผมจะเล่า ลองอ่าน แล้วค่อยมาช่วยกันคิดต่อ จะเรียกภาษาที่พูดจาออกมาท่วงทำนองต่อไปนี้ เป็นภาษาอะไรดี

วัดแห่งหนึ่งในหมู่บ้านไกลกันดาร...ชาวบ้านขัดสนยากจน จึงมีพระหลวงตาซึ่งรู้กันดีว่า ท่านเคร่งครัดมั่นคงในพระวินัย มีลูกศิษย์ก้นกุฏิอยู่สามคน อดทนและทนอดอยู่กับชาวบ้านมาได้นานโข

วันหนึ่งในฤดูแล้ง...ปีนั้น ชาวบ้านอัตคัดมาก หลวงตาออกบิณฑบาตได้ข้าวติดก้นบาตรกลับมา พอให้กินกับศิษย์ ประทังความหิวมื้อเดียว หลวงตายังไม่รู้เหมือนกัน จะมีอะไรให้ฉันในมื้อต่อไป ...มื้อเพล

ระหว่างทางเดินไปถาน (ส้วม) หลวงตาเห็นเต่าตัวหนึ่งคลานต้วมเตี้ยมตรงหน้า ถ้าเป็นชาวบ้าน นี่คืออาหารจานโปรด...แต่สำหรับพระ การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตก็ผิดศีล

หลวงตาเดินกลับขึ้นกุฏิ คว้าเอาคัมภีร์ใบลาน ออกมาตั้งท่าอ่าน เป็นทำนองแหล่

“เด็กเอย กูไปถาน เห็นเต่าคลานมากุกกัก”

ศิษย์วัดสามคนเล่นกันเพลิน หลวงตาเร่งเสียงดัง แหล่ซ้ำ “ เด็กเอย...กูไปถาน เห็นเต่าคลาน” อีกสองครั้ง

เด็กคนหนึ่งสะดุดใจ...กระซิบเพื่อนชวนกันวิ่งไปถาน...จับเต่ามา ชำแหละเนื้อออกจากกระดอง ออกมากองใหญ่ เหลียวหน้าแลหลัง หาถ้วยถังกาละมังหม้อ ขนาดใหญ่พอใส่เนื้อเต่าไม่เจอ

อ้ายแก้วถาม “อ้ายแกละ เองช่วยนึกดูที มีหม้อใบใหญ่อยู่ที่ไหน?” อ้ายแกละนึกไม่ออก

หลวงตาอ่านคำภีร์เป็นทำนองแหล่ต่อทันที “หม้อพวกนี้ใบเล็กนัก หม้อต้มกลักใบใหญ่ดี”

ในวัดป่าบ้านนอก พระท่านมักย้อมสีจีวรด้วยไม้แก่นขนุนออกเป็นสีแก่นขนุนหรือสีกลัก เด็กวัดรู้ทันก็เดินไปหาหม้อต้มกลักมาต้มเนื้อเต่าได้ดังใจ

เด็กๆรอจนเนื้อเต่าสุก ก็ตักชิม...ไม่มีรสชาติ ก็บอกเพื่อนให้ลอง แล้วก็บ่นเสียงดัง รสชาติไม่เอาไหนเลย

...

เด็กๆอายุยังน้อย จึงไม่รู้ว่าจะปรุงรสด้วยอะไร แต่หลวงตานั้น มีประสบการณ์ ท่านจึงแหล่ต่อ

“เอย ข่าตะไคร้ ใบมะกรูด มะพร้าวขูด น้ำปลาดี”

เด็กวัดช่วยกันวิ่งหา...ได้เครื่องปรุงครบเครื่อง รอสักพักตักชิมใหม่ คราวนี้เจ้าแกละหัวโจก ถึงกับซี้ดปาก “อร่อยจริงโว้ย!”

แล้วได้ทีสำทับ “ข้าจองไข่กับตับนะมึง ไอ้แก้วไอ้แดง เอาตีนกับเนื้อไป”

หลวงตาเงี่ยหูฟังอยู่ ได้ยินเต็มสองหู ตัวท่านหลุดจากคิว ท่านจำเป็นต้องแหล่ท่อนสุดท้าย

“เฮ้ย เฮ้ย เนื้อหนังเด็กกินได้ ตับกับไข่เอาไว้เพล”

แล้วนิทานเรื่องแหล่หลวงตากินเต่า ก็จบลง ตรงมื้อเพลนั้น ทั้งหลวงตากับสามศิษย์วัด อิ่มเอมเปรมใจกันไปด้วยกัน

คราวนี้ ก็มาถึงหัวข้อที่เราจะช่วยกันคิดต่อ ธรรมเนียมชาววัด คุ้นภาษา บอกใบ้ให้หวย ของพระเกจิอาจารย์กันดี ตัวอย่างใบ้หวยพระจ้อย วัดไผ่แดง...“ศูนย์หกกระดกกลับ นับไปนับมาหาค่าไม่ได้”

หรือภาษาปริศนาลายแทง...ปู่โสมมาเข้าฝันบอก...ผมนึกของเก่าไม่ได้ ลองแต่งเป็นตัวอย่าง “จากต้นประดู่ เดินหน้าสามก้าว หกคะเมนกลับหลัง...เจอระฆังใบใหญ่”

ใบ้หวยหรือปริศลายแทงพวกนี้ เขาว่า ถ้าเป็นคนมีบุญบวกมีปัญญา ไขออกก็จะเจอขุมทรัพย์

ผมลงทุนหาตัวอย่างภาษาใบ้หวยหรือภาษาลายแทง เด็กสมัยใหม่อาจไม่เข้าใจ จึงขอบอกใหม่ เป็นภาษาการเมือง...ภาษาที่พูดอย่างเพื่อให้เข้าใจไปอีกอย่าง ทีนี้ก็คงเข้าใจกันดี

แต่ก็น่าจะรวมความได้ ทั้งภาษาใบ้หวย ภาษาลายแทง หรือภาษาการเมืองนั้น พูดจากันออกมาเพราะความหิว นักการเมืองหิวกล้วย หลวงตาหิวเต่า...แหล่หรือพูดกันออกมา เพื่อเอาท้องรอดไปวันๆ.

กิเลน ประลองเชิง