กมธ.ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัยฯ ขอบคุณ สภาผ่าน วาระ 3 "กฎหมายปรับเป็นพินัย" ชี้ โทษอาญาไม่ร้ายแรงไม่ถูกบันทึกประวัติอาชญากรรม
วันที่ 3 ส.ค. 2565 ที่รัฐสภา นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รองประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ.... พร้อม นพ.อำพล จินดาวัฒนะ และน.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช โฆษกคณะกรรมาธิการ แถลงถึงกรณี พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัยผ่านการพิจารณาในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวาระที่ 3 โดย นพ.อำพล กล่าวว่า ที่ประชุมรัฐสภาได้พิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยการปรับเป็นพินัย เสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 365 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี สะท้อนว่าทั้ง 2 สภาเห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ ทั้งนี้ ตนขอขอบคุณประธานรัฐสภาที่ได้ดูแลการประชุมให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และขอขอบคุณไปยังเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาที่ได้ช่วยกันสนับสนุนการแก้ไขปรับปรุงร่างกฎหมายฉบับนี้ที่เสนอโดยรัฐบาลให้ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย
ด้านนายวีระศักดิ์ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้เป็นการบัญญัติกฎหมายกลางที่จะช่วยให้การปฏิรูปกฎหมายมีเครื่องมือที่ชัดเจนขึ้น โดยมีเจตนารมณ์ทำให้โทษอาญาที่มีโทษปรับสถานเดียวตามกฎหมายต่างๆ รวม 204 ฉบับ ซึ่งเป็นความผิดไม่ร้ายแรง ไม่ต้องเป็นโทษอาญาอีกต่อไป และไม่ต้องถูกบันทึกประวัติอาชญากรรมที่ทำให้เป็นตราบาปติดตัว โดยให้เจ้าพนักงานพิจารณาให้จ่ายค่าปรับเป็นพินัยเข้ารัฐแทนได้ สำหรับคนยากจนที่ไม่มีค่าปรับ ก็ไม่ต้องได้รับโทษจำคุกแทนค่าปรับ ซึ่งศาลสามารถสั่งไม่ปรับเป็นพินัย (งดค่าปรับ) หรือสั่งให้ทำงานบริการอื่นแทนได้ โดยเป็นการลดรูปของโทษอาญาที่เรียกว่าโทษอาญาเฟ้อ และสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างชัดเจน หวังว่าจะเห็นกฎหมายกลางลักษณะนี้ออกมาเพิ่มมากขึ้นเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในกฎหมายอื่นๆ ต่อไป
...