“รัชดา” โต้ฝ่ายค้าน กล่าวหารัฐบาลไม่สนใจแก้ปัญหาหนี้ กยศ. ลั่น “บิ๊กตู่” สั่งเร่งช่วยลูกหนี้อย่างเต็มที่ผ่านมาตรการและงานไกล่เกลี่ยหนี้ หวังสภาฯ ผ่านร่างกฎหมายในเร็ววัน

วันที่ 31 ก.ค. 2565 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่มีพรรคฝ่ายค้านกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่สนใจการแก้ปัญหาหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่า เป็นเรื่องที่ตรงข้ามกับความจริงอย่างที่สุด ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีสั่งการเร่งให้การช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. อย่างเต็มที่ ครอบคลุมการลดภาระหนี้ ลดความเสี่ยงถูกดำเนินคดี แก้กฎหมายให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น ผ่านการการดำเนินการ 3 เรื่องหลัก ดังนี้ 
 
1. กยศ. ร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม จัดงานไกล่เกลี่ยหนี้ทั่วประเทศเพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้กู้ยืมเงินที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ มีกลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มที่ค้างชำระหนี้ที่ถูกบอกเลิกสัญญาและกำลังจะถูกฟ้อง กลุ่มที่จะถูกบังคับคดี หากผู้กู้ยืมเข้ากระบวนการไกล่เกลี่ย กยศ. จะไม่ดำเนินคดี นอกจากนั้น ผู้กู้ยืมจะได้รับส่วนลดเบี้ยปรับ รวมทั้งได้รับโอกาสในการขยายระยะเวลาผ่อนชำระได้ถึงอายุ 65 ปี เพื่อให้ผู้กู้ยืมสามารถกลับเข้ามาสู่ระบบการชำระหนี้ให้เป็นปกติ 
 
2. ขยายระยะเวลามาตรการลดหย่อนหนี้ เพื่อจูงใจให้ผู้กู้ยืมมาชำระเงินคืน จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2565 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2565 โดยมีเงื่อนไขมาตรการ ดังนี้
 
(1) ลดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากเดิม 1% ต่อปี เป็น 0.01% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุนและไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้

...

(2) ลดเงินต้น 5% กรณีชำระหนี้ปิดบัญชี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้  

(3) ลดเบี้ยปรับ 100% สำหรับผู้กู้ยืมเงินทุกกลุ่มที่ชำระหนี้ปิดบัญชี ดังนี้

  • ผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี สามารถชำระได้ที่ธนาคารกรุงไทยและธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยทุกสาขา
  • ผู้กู้ยืมเงินที่ถูกดำเนินคดีแล้ว ต้องลงทะเบียนขอรับสิทธิและนัดหมายวันที่ประสงค์จะชำระหนี้ปิดบัญชีได้ที่ www.studentloan.or.th โดยผู้กู้ยืมเงินต้องชำระค่าทนายความและค่าฤชาธรรมเนียมศาลให้เสร็จสิ้นก่อนปิดบัญชี


(4) ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี เมื่อชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้มีสถานะปกติ (ไม่ค้างชำระ)

(5) ลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีและไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด
 
สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ข้อมูลระหว่างเดือน ม.ค. 2564 - พ.ค. 2565 มีผู้ที่ได้รับสิทธิลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0.01% จำนวน 6.4 แสนราย มีผู้ที่ใช้สิทธิมาตรการลดเงินต้น 5% จำนวน 2.6 หมื่นราย คิดเป็นส่วนลดเงินต้นกว่า 67 ล้านบาท มีผู้ที่ใช้สิทธิมาตรการลดเบี้ยปรับ 100% จำนวน 7.5 หมื่นราย คิดเป็นส่วนลดเงินเพิ่มกว่า 1,324 ล้านบาท มีผู้ที่ใช้สิทธิมาตรการลดเบี้ยปรับ 80% จำนวน 4 แสนราย คิดเป็นส่วนลดเงินเพิ่มกว่า 16 ล้านบาท และมีผู้ที่ได้รับสิทธิลดอัตราเบี้ยปรับเหลือ 0.5% จำนวน 1.2 ล้านราย
 
3. ครม. เสนอร่างพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งรัฐบาลเสนอให้กองทุนฯ มีอำนาจในการปลดภาระผู้ค้ำประกัน เมื่อผู้กู้ยืมผ่อนชำระเงินต้นมาแล้ว 25% ของเงินต้นที่ค้างชำระ รวมถึงเสนอการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยและดอกเบี้ยผิดนัดให้เหมาะสม
 
น.ส.รัชดา กล่าวต่อไปอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาหนี้ กยศ. และสั่งการให้เป็นเรื่องเร่งด่วนในมาตรการที่ได้ดำเนินการไปแล้วสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ และลดผลกระทบต่อผู้ค้ำประกันได้จริง ทั้งนี้ จากมาตรการลดหย่อนหนี้เพื่อจูงใจให้ลูกหนี้ชำระหนี้นั้น มีผู้ได้รับประโยชน์นับตั้งแต่ ม.ค. 2564 รวม 2.34 ล้านราย และยังมีลูกหนี้ที่ไม่ต้องถูกดำเนินคดีจากการเข้าสู่กระบวนการไกล่หนี้อีกจำนวนมาก ขณะที่การเสนอร่างกฎหมาย กยศ. เป้าหมายเพื่อปฏิรูปโครงสร้างสินเชื่อ จะช่วยเหลือผู้กู้ที่เดือดร้อน อีกทั้งยังเป็นกฎหมายที่สร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้กู้และผู้ค้ำประกันมากขึ้นด้วย จึงอยากขอให้สภาฯ ผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ในเร็ววัน
 
“ขอใช้โอกาสนี้ชี้แจงให้ประชาชนทราบข้อมูลจริงถึงมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือ เพื่อผู้กู้จะได้คลายกังวลและหาทางออกจากปัญหาหนี้ร่วมกับ กยศ.”