งงทั้งสภาฯ เสียงหวอดังช่วง “สันติ” ร่ายยาวแจงปมท่อส่งน้ำ EEC “ยุทธพงศ์” ถาม ใครอภิปรายใครกันแน่ ซัดกันไปมาด้วยคำพูด จนประธานต้องช่วยเบรก

เมื่อเวลา 13.23 น. วันที่ 20 ก.ค. 2565 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระเรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันที่ 2 เข้าสู่การชี้แจงของ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะที่กำกับกรมธนารักษ์ เป็นประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุ โดยขอบคุณ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ที่เอาใจใส่อภิปรายกรณีท่อส่งน้ำภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเมื่อก่อนเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่ปัจจุบันเป็นของเอกชน เนื่องจากเอกชนถือหุ้นมากกว่า 50% ส่วนการประปาส่วนภูมิภาคถือหุ้นราว 40%

อีกทั้งก่อนหน้านี้ ยังได้เคยตอบกระทู้สดไปแล้วว่า อีสต์วอเตอร์ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจแล้ว เป็นเอกชนโดยสมบูรณ์และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ต้องมีการแข่งขันกันเป็นปกติ โดยอีสต์วอเตอร์นั้นมีสัญญาท่อแรกกับกรมธนารักษ์ที่จะสิ้นสุดช่วงปลายปี 2566 หากไม่หาผู้มาเช่าบริหารจัดการน้ำ จะเกิดปัญหาในทางปฏิบัติ เพราะมีนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานจำนวนมาก มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ กรมธนารักษ์ยอมรับว่าไม่มีความเชี่ยวชาญ จึงจ้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นที่ปรึกษา ศึกษาเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ผลประโยชน์ต่างๆ เพื่อทำ TOR เมื่อศึกษาโครงการครบถ้วนรอบคอบมีข้อเสนอแนวทางที่ควรจะดำเนินการเพื่อให้เกิดความรัดกุม 4 แนวทาง คือ

...

1. การประมูล
2. การยกเว้นการประมูล โดยเลือกเอกชนรายใดรายหนึ่ง
3. ยกเว้นการประมูล โดยคัดเลือกเอกชนอย่างน้อย 3 ราย ซึ่งคล้ายกับการเปิดประมูล เนื่องจากมีการแข่งขันและรัฐสามารถคัดเลือกได้
4. ทำโดยวิธีการอื่น เช่น รัฐดำเนินการเอง

ม.เกษตรฯ แนะนำให้กรมธนารักษ์ ใช้แนวทางที่ 3 พร้อมกำหนดเงื่อนไขประกอบการเจรจาที่จะเป็นประโยชน์ต่อภาครัฐ ให้เกิดการแข่งขันระหว่างเอกชน กรมธนารักษ์และคณะกรรมการที่ราชพัสดุเห็นพ้องด้วย จึงดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบและกฎหมายเพื่อเปิดให้ยื่นข้อเสนอ เปิดการประกวดราคา โดยเชิญบริษัทที่เชี่ยวชาญในการบริหารจัดการน้ำมาเสนอราคา แต่ครั้งแรกเนื่องจากไม่ได้กำหนดปริมาณน้ำจึงทำให้เกิดปัญหาขึ้น จึงต้องยกเลิกและเปิดเสนอราคาในครั้งที่ 2 ซึ่งขณะนั้นอีสต์วอเตอร์ไปยื่นศาลปกครองขอให้คุ้มครองชั่วคราว โดยศาลมีข้อวินิจฉัยว่า สามารถยกเลิกการประกาศเชิญชวนได้ ไม่มีเหตุอันควรเชื่อว่าประกาศเชิญชวนจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีผลเพียงทำให้ผู้ยื่นคดีต้องเสนอซองใหม่เท่านั้น จึงมีคำสั่งยกคำร้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 14.00 น. จู่ๆ มีเสียงหวอคล้ายแจ้งเตือนไฟไหม้ดังขึ้นในที่ประชุมสภาฯ จนนายสันติ ต้องหยุดชี้แจงไปช่วงหนึ่ง โดยนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม มอบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

เมื่อเสียงเงียบลง นายสันติ จึงแจงต่อไปว่า การประกาศในครั้งที่ 2 ก็ยังมี 5 รายเข้ายื่นซองเสนอราคา โดยอีสต์วอเตอร์ก็เข้าแข่งขันอีกครั้ง โดยครั้งนี้มีการยื่นซอง 3 ราย จึงเป็นไปไม่ได้ที่บอกว่าไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ ตลอด 30 ปี อีสต์วอเตอร์จ่ายให้รัฐเพียง 600 กว่าล้านบาท แต่การเสนอราคาครั้งนี้รัฐจะได้ 24,000 กว่าล้านบาท การกล่าวหาทำให้ข้าราชการกรมธนารักษ์เสียกำลังใจ เพราะตรวจสอบกฎหมายในทุกขั้นตอนแล้ว พร้อมชื่นชมการทำงานของกรมธนารักษ์ที่ยึดผลประโยชน์ชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง

ทางด้าน นายยุทธพงศ์ ใช้สิทธิ์พาดพิงที่ นายสันติ กล่าวว่ากำไรเยอะแยะเอามาจากไหน นึกเอาเอง จะทำให้ตนเองเสียหาย พร้อมเปิดเผยรายได้ของโครงการจากร่างสัญญาว่ามีเอกสารประกอบไม่ได้พูดลอยๆ ใบเสร็จที่อภิปรายนั้นมัดตัวนายสันติ พร้อมย้ำคำถามทำไมไม่เปิดประมูลทั่วไป ขณะเดียวกันประธานในที่ประชุมแจ้งถึงเรื่องเสียงหวอที่ดังขึ้นไปทั่วรัฐสภา ว่า ระบบเตือนภัยเรื่องไฟผิดพลาด ไม่ต้องตกใจหรือกังวลอะไร

จากนั้น นายสันติ ลุกขึ้นตอบอีกครั้งว่า การไม่เปิดประมูลทั่วไปเพราะเป็นที่ของราชพัสดุ ใช้กฎหมายการหาประโยชน์ในที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ตั้งคณะกรรมการธนารักษ์และหาที่ปรึกษาคือ ม.เกษตรฯ ก่อนที่จะเปิดประมูลสรรหาผู้เช่าบริหารก็ได้ตั้งคณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบระบบโครงการท่อส่งน้ำ EEC และมีการดำเนินคดีกับอีสต์วอเตอร์ หลังผู้บริหารระดับสูงสั่งการเจ้าหน้าที่ Work From Home ไม่ต้องเข้าพื้นที่ เพื่อไม่ให้มีคนให้ข้อมูล ถือเป็นการขัดขวางต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกรมธนารักษ์ที่เข้าพื้นที่ตรวจสอบ และยังมีการตัดต่อท่อส่งน้ำด้วย

ในเวลาต่อมา นายยุทธพงศ์ ประท้วงว่า การอภิปรายต้องอยู่ในประเด็น ตนเองใช้เวลาไป 40 นาที แต่ นายสันติ แจงไปแล้วเป็นชั่วโมง เหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจตนเองและอีสต์วอเตอร์ จึงถามอีกครั้งว่าทำไมไม่ประมูลทั่วไป ทำไมเอื้อบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง และหลังชนะการประมูลกลับให้แบ่งจ่าย 2 ครั้งด้วย โดยนายสันติ ถามกลับว่ารู้ข้อมูลมากกว่าตนได้อย่างไร แสดงว่าคงมีอะไรสักอย่าง มีใครไปรับงานมาจากอีสต์วอเตอร์หรือไม่ ไม่ทราบ ระบบท่อส่งน้ำภาคตะวันออกที่ผ่านมามีปัญหาพอสมควร เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของเราบางส่วนมีปัญหา แต่ตนต้องทำหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ของรัฐ ตอนนี้สัญญายังไม่ได้เซ็น จะมากล่าวหาได้อย่างไร เพราะต้องนำข้อสังเกต 13 ข้อ ของสำนักอัยการมาดำเนินการให้ครบก่อน ไม่ต้องห่วง มีอัยการตรวจสอบดูแล การที่บอกว่าไม่ประกวดราคาทั่วไปเพราะเป็นโครงการสำคัญ หากได้ผู้ชนะแล้วไม่มีความรู้เรื่องบริหารจัดการน้ำ กรมธนารักษ์ต้องมีความรับผิดชอบ ที่บอกว่าเร่งรีบ เพราะมีการระบุว่าให้ดำเนินการก่อนได้ใน 3 ปี เพราะการรับมอบท่อส่งน้ำต้องใช้เวลาในขั้นตอนต่างๆ

“เรากินเงินเดือนของประชาชนต้องตรวจสอบว่า 30 ปีที่ผ่านมา ผลประโยชน์หลายหมื่นล้านไปไหน ใครเอาไป เราจับมือช่วยกันไปดูดีกว่าไหม เรากินเงินเดือนประชาชน ผมไม่มีนิติสัมพันธ์ใดๆ 100% ไม่มีความจำเป็นต้องเอื้อใคร ผมเอื้อให้ผลประโยชน์ของรัฐเต็มที่ อย่างนี้หรอไม่พิทักษ์ ไม่รักษา เพิ่มมาทีเดียว 20,000 กว่าล้าน ไปรับอะไรกับใครมาอย่างไร ถ้าทุจริตก็คงรับไปตั้งแต่ประมูลครั้งแรก ทำไมต้องประกวดราคาใหม่”

ขณะที่ นายยุทธพงศ์ ยังไม่จบ บอกว่า นายสันติ ใส่ร้ายและเสียดสี ทำให้ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ที่กำลังทำหน้าที่ประธานการประชุม ต้องช่วยเบรก และบอกว่าต่างคนต่างชี้แจง ที่ผ่านมานำเสนอไปแล้ว ซ้ำแล้วซ้ำอีก การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเหตุผลของแต่ละฝ่าย วันสุดท้ายก็โหวตลงคะแนน ไม่ใช่พาดพิง พูดถึงกันก็เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งนายยุทธพงศ์ บอกว่า เอกสารที่นำมาเป็นของกรมธนารักษ์ ขอให้ นายสันติ ไปตรวจสอบ อยู่ในร่างสัญญาที่กำลังจะลงนาม แล้วทิ้งท้ายว่า “ถ้าเป็นรัฐมนตรีแล้วไม่รู้เรื่อง ลาออกไปเถอะ”

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวอีกครั้งในช่วงท้ายว่า ยึดถือข้อสังเกตของอัยการ ยึดถือระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัดถึงจะเซ็นสัญญา มีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง ไม่ตรง ก็เซ็นสัญญาไม่ได้ ถึงบอกว่าอย่าอคติ ต้องฟังเพราะชี้แจงไปแล้ว ตนเองชี้นำไม่ได้ เพราะทุกคนเก่งกว่า เป็นข้าราชการระดับสูง ใครไปรับงานอะไรใครมาไม่สนใจ ขอชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ไม่มีอำนาจสั่งการ เป็นเพียงผู้กำกับดูแลกรมธนารักษ์ และประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ไม่ได้มีอำนาจอะไรมากมาย ได้แต่กำกับทำงานด้วยความโปร่งใสตามระเบียบกฎหมายอย่างถูกต้องเท่านั้น ก่อนจบการชี้แจงในเวลา 14.41 น. ใช้เวลาไปกว่า 1 ชั่วโมง 20 นาที.