มติ ครม.เคาะ มาตรการภาษียกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 2 เท่า ของที่จ่ายจริง สนับสนุนการจัดสัมมนา-นิทรรศการ-งานแสดงสินค้า ภายในประเทศ เริ่มตั้งแต่ 15 ก.ค.ถึงสิ้นปี 2565 กระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูการท่องเที่ยว

วันที่ 12 ก.ค.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่าง พ.ร.ฎ 2 ฉบับ โดยเป็นมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ จัดนิทรรศการ งานแสดงสินค้าภายในประเทศ โดยให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 2 เท่า ของที่จ่ายจริง ตั้งแต่ 15 ก.ค. - 31 ธ.ค. 65

สาระสำคัญของร่าง พ.ร.ฎ ฯ ทั้ง 2 ฉบับ ดังนี้

1) ร่าง พ.ร.ฎ. ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กำหนดยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นจำนวน 2 เท่าของที่จ่ายจริง สำหรับการอบรมสัมมนาที่จัดในจังหวัดท่องเที่ยวรอง หรือพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 1.5 เท่า สำหรับการอบรมสัมมนาในพื้นที่อื่นๆ สำหรับรายจ่ายที่จ่ายไปตั้งแต่ วันที่ 15 ก.ค. - 31 ธ.ค. 65 ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภายในประเทศ สนับสนุนห่วงโซ่อุปทานการท่องเที่ยว และสนับสนุนการบริโภคและส่งเสริมการจ้างงาน รวมทั้งยังช่วยสนับสนุนการจัดนิทรรศการและงานแสดงสินค้าภายในประเทศด้วย

2) ร่าง พ.ร.ฎ. ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กำหนดยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นจำนวน 2 เท่าของที่จ่ายจริง ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับที่ใช้จ่ายเป็นค่าเช่าพื้นที่หรือค่าบริการในการเข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ หรือการแสดงสินค้าภายในประเทศ โดยต้องมีหนังสือรับรองจากผู้จัดว่าได้เข้าร่วมงานจริง สำหรับรายจ่ายที่จ่ายไปตั้งแต่ วันที่ 15 ก.ค. - 31 ธ.ค. 65

...

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และเป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 65 ที่เคยเห็นชอบมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจจากสถานการณ์ราคาพลังงาน ซึ่งคาดว่า จะมีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี จาก 2 ร่าง พ.ร.ฎ. ดังกล่าว รวมแล้วประมาณ 7,750 ราย โดยรัฐจะสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคล เพียง 455 ล้านบาท แต่สามารถช่วยเอกชนลดค่าใช้จ่ายทางภาษีเงินได้นิติบุคคลจากเงินได้ถึง 2,275 ล้านบาท