ศบค. เคาะแผนฉีดวัคซีน เปลี่ยนมาใช้ Long-Acting antibody แทน แอสตราเซเนกา พร้อมเห็นชอบให้ไฟเซอร์ เป็นวัคซีนเฉพาะของเด็ก 6 เดือน - 5 ปี สั่งเน้นย้ำกลุ่ม 608 ให้มารับวัคซีน

วันที่ 8 ก.ค. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.  แถลงข่าวภายหลังการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการประชุม ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบให้กรมควบคุมโรค กำหนดกรอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติ แนวทางควบคุมโรค ตาม ม.14 (1) ของพ.ร.บ.โรคติดต่อ 2548 และเพิ่มแรงจูงใจให้ประชาชนมารับการฉีดวัคซีน โดย เฉพาะกลุ่ม 608 ที่มีความเสี่ยง และจัดระบบยาต้านไวรัสให้เข้าถึงง่าย พร้อมมอบให้กรมประชาสัมพันธ์ กระตุ้น ให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญ ในเรื่องสวมหน้ากาก และรับวัคซีน พร้อมให้กระทรวงมหาดไทยไปตัดเรื่องโรคต้องห้ามร้ายแรงเข้าราชอาณาจักร เป็นกระบวนการถัดไป

นอกจากนี้ นายกฯ ยังสั่งการเรื่องแผนการให้บริการวัคซีน ถึงแม้ไทยจะยังไปไม่ถึงเป้าหมาย จึงให้ประชาชนให้ความร่วมมือด้วย ในที่ประชุมยังเสนอชุดข้อมูลมาว่า ผู้สูงอายุ ได้รับวัคซีน แค่ 47.1% ส่วนเด็กเล็กครอบคลุมแค่ 20.5% โดยเฉพาะขณะนี้มีเรื่องการติดเชื้อในโรงเรียน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแลให้เต็มที่ และทั้ง 2 กลุ่ม ต้องได้รับการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยมีตัวเลขข้อมูลเรื่องไม่ฉีดวัคซีนที่มีการทำโพลจากกรมควบคุมโรคออกมา ถึง 34.8% บอกว่าพอแล้ว นายกฯ จึงอยากให้ชี้แจงและปรับเปลี่ยนความคิด

ส่วนจังหวัดที่ฉีดเข็มกระตุ้นครอบคลุมทุกเป้าหมาย คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต นนทบุรี สมุทรปราการ ขณะที่ 10 จังหวัดที่มีการฉีดเข็มกระตุ้นน้อยที่สุด ในทุกกลุ่มเป้าหมาย คือ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล บึงกาฬ สกลนคร หนองบัวลำภู แม่ฮ่องสอน นครศรีธรรมราช พัทลุง

...

ขณะที่แผนการฉีดวัคซีน ภาครัฐมีการจัดหาวัคซีนทั้งหมด 169 ล้านโดสซึ่งได้รับมอบแล้ว และจะให้กระจายไปทั่วทุกที่ในประเทศไทย ยืนยันเพียงพอ มีการวิเคราะห์ว่า วัคซีน 4 เข็ม สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 76% ป้องกันการป่วยหนักและใส่เครื่องช่วยหายใจ หรือเสียชีวิต ได้ 96% ในที่ประชุมยังรับทราบการเปลี่ยนวัคซีน จากแอสตราเซเนกา เป็น วัคซีน Long-Acting antibody (LAAB) จำนวน 2.5 แสนโดส โดยผ่านที่ประชุม ครม. มาแล้ว และยังเห็นชอบ ให้วัคซีนไฟเซอร์ เป็นวัคซีนเฉพาะของเด็ก 6 เดือน - 5 ปี จำนวน 3 ล้านโดส โดยวัคซีน Long-Acting antibody ยังมีประโยชน์กับกลุ่มที่เป็นโรคไต ระยะสุดท้าย ผู้เปลี่ยนถ่ายอวัยวะ และผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันอีกด้วย