“รองนายกฯอนุทิน” ยันโควิดระลอกใหม่ย้ำฉีดวัคซีน 3 เข็มไม่น่าเป็นห่วง ด้าน “หมอโอภาส” แจงดราม่ากักตัวอนุทิน ชี้เกิน 10 วันแล้ว เพราะนับตั้งแต่วันที่มีอาการ แจงปมประกาศโรคประจำถิ่นให้รอฟังศบค. ยันเตียงเพียงพอ
วันที่ 5 ก.ค. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ปฏิเสธตอบคำถามเรื่องการกักตัวครบ 10 วัน แล้วหรือไม่ โดยเลี่ยงเดินออกจากวงผู้สื่อข่าวหน้าตึกบัญชาการ พร้อมระบุว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กำลังลงมาจากตึกบัญชาการ เมื่อสื่อเดินตามพร้อมถามว่า สถานการณ์โควิด-19 กำลังระบาดมากขึ้นได้สั่งการอะไรแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่าเป็นการระบาดในบริบทโอมิครอน ที่ติดง่ายเชื้อไม่แรง และเราเปิดประเทศแล้ว มีโอกาสของการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อ เรื่องของอาการหนักและจำนวนผู้เสียชีวิต ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้อยู่ เพราะคนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนแล้ว เมื่อถามว่ายืนยันว่ายังควบคุมได้อยู่หรือไม่ นายอนุทิน ย้ำว่าต้องควบคุมได้ เมื่อถามว่า สายพันธุ์ใหม่ BA.4 BA.5 ที่ระบาดในกรุงเทพมหานคร ณ ขณะนี้ จะรับมืออย่างไรเป็นพิเศษ นายอนุทิน กล่าวว่าได้เตรียมเรื่องของเวชภัณฑ์ สถานพยาบาล ให้พร้อม แต่อย่างที่บอกไป ถ้าได้รับวัคซีน 3 เข็มขึ้นไป อาการก็จะไม่รุนแรง แล้วก็จะไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ยกเว้นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน และกลุ่มที่มีโรคต้องระวังมากหน่อย ผู้สื่อข่าวถามย้ำโดยขอให้แจงดราม่าการเปิดเผยไทม์ไลน์ของนายอนุทิน ถึงการกักตัวครบ 10 วันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ให้ไปถามหมอ ถามอธิบดีกรมควบคุมโรค
...
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการกักตัวของผู้ป่วยโควิด-19 ว่า เดิมกำหนดให้มีการกักตัว 7+3 วัน คือกักตัว 7 วันสังเกตอาการอีก 3 วัน แต่ล่าสุดคณะกรรมการวิชาการได้ลดเหลือ 5+5 ซึ่งจะรอนำเข้าที่ประชุมศบค.วันศุกร์ที่ 8 ก.ค.นี้ ส่วนนายอนุทิน ที่ติดเชื้อโควิด-19 ถือว่าเกิน 10 วันแล้ว โดยการนับจะนับตั้งแต่วันที่มีอาการ กรณีของนายอนุทินจึงไม่น่าจะมีอะไร และช่วงที่ออกงานเมื่อวานนี้ก็ยืนห่างจากคนอื่น
เมื่อถามว่า ที่เคยบอกว่าวันที่ 1 ก.ค. จะให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่นยังคงเป็นไปตามนั้นหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า รอที่ประชุมศบค.ว่าจะมีมติออกมาอย่างไร เพราะต้องพิจารณาทั้งมาตรการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข สังคม กฎหมาย วันที่ 1 ก.ค. เป็นเพียงกรอบกว้างๆ แต่สุดท้ายต้องให้ศบค.เป็นผู้พิจารณา แต่เชื่อว่าการดำรงชีวิตของเราคงไม่ได้เปลี่ยนไปมากกว่านี้ เมื่อถามว่าการเป็นโรคประจำถิ่นต้องมีประกาศออกมาชัดเจนหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ความจริงในนิยามกฎหมายไม่มีคำว่าโรคประจำถิ่น มีแต่โรคติดต่อ โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง และโรคติดต่ออันตราย มี 3 ระดับ ตอนนี้เราอยู่ในระดับสูงสุด เพราะฉะนั้นหากจะลดระดับจะเหลือโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง แต่ทั้งนี้ต้องรอ ศบค.พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นสถานการณ์มีการรองรับเตียงอย่างไรบ้าง นพ.โอภาส กล่าวว่า เราทราบดีว่าสถานการณ์การติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น จาก 2 ปัจจัย คือ ตอนนี้กิจกรรมเราเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเจอในงานเลี้ยง งานปาร์ตี้ และ มาจากเชื้อ BA.4 BA.5 ที่ติดเชื้อเร็วขึ้นแต่พบว่าความรุนแรงของโรคไม่ได้มากขึ้นตามไปด้วย ที่เรากำลังตามดูขณะนี้คือภาวะการรองรับด้านการรักษาผู้ป่วยหนักมากขึ้นหรือไม่ เตียงรองรับพอหรือไม่ แต่ภาพรวมของประเทศผู้ป่วยหนักไม่ได้มากขึ้น เตียงตามโรงพยาบาลยังเพียงพอ เมื่อถามถึงกรณีที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขทำหนังสือแจ้งเตือนไปถึงทั่วประเทศ จำเป็นต้องหวั่นวิตกหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะปลัดสาธารณสุข ปลัดกระทรวงมหาดไทยก็ทำเหมือนกันเป็นการเตือนหน่วยราชการให้ระมัดระวัง เข้มงวด เตรียมพร้อม ทั้งนี้ถือเป็นมาตรการเตรียมความพร้อมตามปกติแต่เตรียมพร้อมดีกว่าไม่เตรียมพร้อม พวกเราก็ต้องเตรียมพร้อมด้วย.