“บิ๊กป้อม” ลั่น พปชร. 150 เสียง...เริ่มจัดทัพเข้าสู่สนามเลือกตั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฏิบัติการเสริมความแข็งแกร่งอีกครั้ง

หลังจากปล่อยให้พรรคเพื่อไทยนำหน้าไปก่อน 1 ก้าวรวมถึงพรรคการเมืองอื่นๆ อย่างภูมิใจไทยที่ผงาดแซงหน้าไปแล้ว

พล.อ.ประวิตรยอมรับว่าเป็นรองพรรคเพื่อไทย แต่มั่นใจพลังประชารัฐจะได้ ส.ส.อย่างตํ่า 150 เสียงอย่างแน่นอน

“ช่วงที่ตั้งพรรคมา 2 เดือนยังได้ ส.ส.กว่า 100 คน นี่ทำงานมา 4 ปีมีผลงานมากมายจะไม่ได้ 150 เสียงได้อย่างไร ครั้งหน้าใครที่อยู่กับเราได้แน่นอน ภาคใต้จะได้ 20 เสียง”

“บิ๊กป้อม” ยํ้าความมั่นใจ...

พร้อมกับปรับแนวทางการทำงานของพรรคด้วยการตั้งคณะทำงานดูแลแต่ละภาคพร้อมจัดโรดโชว์ไปตามภาคต่างๆ เริ่มที่ชลบุรีเป็นแห่งแรก โดยให้ผู้รับผิดชอบแต่ละภาคจัดทำแผนงานและแนวนโยบายในแต่ละพื้นที่

ระหว่างประชุม พล.อ.ประวิตรยังวัดใจลูกพรรคที่มีข่าวว่าจะผละหนีไปอยู่กับพรรคอื่นด้วยการไล่ถามเป็นรายคนเป็นการดักคอ

เพราะมีข่าวมาก่อนหน้านี้ว่ามี ส.ส.หลายคนเตรียมที่จะแยกตัวออกไป เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์ในพรรคไม่ค่อยจะดีนัก

อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคความนิยมลดลงมาเรื่อยๆ ล่าสุดถูก น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้รับความนิยมเหนือกว่า อันจะทำให้พลังประชารัฐตกเป็นรองมาก

จึงต้อง “ดักคอ” พวกที่จะย้ายพรรคเอาไว้ก่อน

แน่นอนว่าการขยับตัวของ พล.อ.ประวิตรครั้งนี้ย่อมสร้างขวัญและกำลังใจให้กับลูกพรรคได้อย่างแน่นอน

แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ต่อไปข้างหน้าด้วยว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะการที่พรรคฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ

...

1 นายกฯกับ 10 รัฐมนตรีจะผ่านพ้นไปได้หรือไม่

จะเรียกความมั่นใจคืนกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน

พล.อ.ประยุทธ์จะมีความนิยมเพิ่มขึ้นแค่ไหนอีกด้วย

เพราะแม้ว่าจะดึงใจคืนกลับมานั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องให้สัญญาใจว่าจะดูแลพวกเขาไปให้ถึงฝั่งอย่างไร

เพราะสถานการณ์การเมืองที่บอกว่าแค่ 20 วัน ได้ ส.ส.มาเป็น 100 คนนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง แม้จะยังมีอำนาจรัฐอยู่ในมือก็ตาม

อีกทั้งพรรคการเมืองอื่นๆ ก็มีความเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นกัน

สิ่งหนึ่งที่ พล.อ.ประวิตรมีข้อมูลอยู่ในมือก็คือการยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วยการยอมรับความจริงว่าคนอายุ 35 ปีขึ้นไป

จะเลือกพลังประชารัฐ...

นั่นก็หมายความว่าแนวทางการหาเสียงหรือวางนโยบายของพรรคต้องมุ่งไปที่มวลชนที่มีอายุ 35 ปีขึ้น

เป็นความชัดเจนในการจัดลำดับความสำคัญ

พูดง่ายๆ ว่าพลังประชารัฐไม่ใช่พรรคการเมืองของคนที่อายุตํ่ากว่า 35 ปี!

“สายล่อฟ้า”