ผู้นำศรีลังกาประกาศยอมรับเศรษฐกิจของประเทศ “พังทลายโดยสมบูรณ์” รัฐบาลปากีสถานขอความร่วมมือประชาชนให้ลดการดื่มชาลงวันละ 1–2 แก้ว เพื่อลดการนำเข้าชามูลค่ามหาศาล ภายหลังเงินทุนสำรองของประเทศเหลือน้อยเต็มที ต้องเข้าโปรแกรมกู้เงินจากไอเอ็มเอฟ

สัญญาณร้าย มหาวิกฤติเศรษฐกิจกำลังถล่มเอเชียใต้

จ่อใกล้ปากประตูประเทศไทยเข้ามาทุกขณะ ในสถานการณ์ที่รัฐบาลของผู้นำทหารอาชีพอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม

ต้องออกแคมเปญ “เตามหาเศรษฐี”

กระทรวงพลังงานชักชวนให้ประชาชนหันมาใช้เตา “อั้งโล่” แทนแก๊สหุงต้มที่มีราคาแพง

กระแสแรงถึงขั้นขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่ง โลกโซเชียลแชร์ “เตามหาเศรษฐี” ติดแฮชแท็กกันกระหึ่มในเวลาไม่กี่อึดใจ ส่วนใหญ่วิจารณ์แบบขำๆเอาฮา ตลกร้าย

เมืองไทยจะถอยหลังลงคลองลึกไปถึงไหน

เพราะประเทศอื่นทั่วโลกเดินหน้าใช้พลังงานทดแทน พลังงานสะอาด หยุดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลก่อคาร์บอนนานแล้ว เตาอั้งโล่เป็นแค่การแก้ปัญหาแบบสุกเอาเผากินมากกว่า

...

อารมณ์ความเชื่อมั่นในฝีมือบริหารของรัฐบาล “บิ๊กตู่” ยิ่งดิ่งเหวแบบ 90 องศา

สถานการณ์ “ไม่ไหวจะเคลียร์” ประชาชนเห็นภูมิปัญญาในการกู้วิกฤติของฝ่ายบริหารเทียบกับโคตรวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ พิษจากราคาพลังงานที่กดดันภาวะเงินเฟ้อ

โรคแทรกซ้อนสาหัสสากรรจ์ รัฐบาลจ่ายได้แค่ยาแก้ปวดบรรเทาอาการเฉพาะหน้า

อยู่กันแบบคนไข้หมดหวัง รอวันตาย

ภายใต้เงื่อนเวลาท้ายเทอมทั้งรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎร ตอนนี้ “บิ๊กตู่” น่าจะปักหมุดแค่การลากอำนาจไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน โชว์อินเตอร์บนที่ประชุมเอเปกที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ

เป็นเกียรติประวัติของชีวิตผู้นำทหารเฒ่า

เพียงเท่านี้ ที่จัดเป็นเดิมพันสถานการณ์สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์

แต่นั่นไม่ใช่สำหรับประชาชนคนไทยที่ต้องเผชิญภาวะท้องแห้ง ไส้กิ่ว เศรษฐกิจจากมหาวิกฤติโควิด กดทับซ้ำด้วยสงครามรัสเซีย–ยูเครน ทำสินค้าแพง วิกฤติราคาพลังงาน น้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า เขย่าภาวะเงินเฟ้อตัวเลขพุ่งไม่หยุด ตามไฟต์บังคับที่น่าจะต้องมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยตามมา

ประชาชนคนหาเช้ากินค่ำต้องรัดเข็มขัด รอรับแรงกระแทกล่วงหน้าได้

ตามรูปการณ์แบบที่รัฐบาลของผู้นำทหารเฒ่า ได้ทำการมอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีอำนาจในการควบคุมสถานการณ์ในอีก 4–5 เดือนข้างหน้า

รับมือวิกฤติราคาพลังงานและสินค้าขึ้นราคา

ต้องใช้อำนาจพิเศษควบคุมกลไกราคาสินค้าและพลังงาน นี่ก็ชัดเลยว่า “หนักแน่”

และนั่นก็อย่างที่ “นายห้างดูไบ” อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ยังถึงขั้นออกปากยอมรับสารภาพกันตรงๆในคลับเฮาส์ หัวข้อ “เศรษฐกิจพังยับ ประยุทธ์รับมือไม่ไหว”

การแก้ปัญหาต่อไปนี้ยากมาก เพราะเละเทะทุกจุด

แม้ว่ารัฐบาลใหม่ได้แลนด์สไลด์มา แต่ก็เป็นทุกขลาภ เพราะตอนนี้เละหมดแล้ว

ระดับ “ตัวพ่อ” ความหวังของมวลมหาประชาชนคนเสื้อแดง “ทักษิณ” ผู้นำในฝันของกองเชียร์พรรคเพื่อไทย ในการฟื้นเศรษฐกิจ คืนความกินดีอยู่ดี

เจอสภาพโจทย์โคตรโหดหิน ณ วันนี้ ถึงกับเป่าปาก

“ออกตัวล่วงหน้า” ลากเศรษฐกิจลำบากเหมือนกัน

นั่นก็ไม่แปลกที่การเลือกตั้งรอบต่อไปที่เริ่มเชิดฉิ่งโหมโรง ป้อมค่ายการเมืองส่วนใหญ่ ไม่มีใครกล้าโชว์ทีมเศรษฐกิจเป็นจุดขาย เรียกแต้ม ดึงคะแนนเสียง

เพราะมันเสี่ยง “แป๊ก” ถ้าเปิดมาเทียบกับสถานการณ์แล้วคนส่ายหน้า

ณ จุดนี้เห็นจะมีแต่พรรคสร้างอนาคตไทยเท่านั้น ที่กล้าเปิดจุดขายคือ “ทีมเทคโนแครต” มือบริหารอาชีพที่นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ในฐานะอดีตขุนคลัง ตั้งธงมาฟื้นเศรษฐกิจ

กับชื่อของตัวความหวังอย่างด็อกเตอร์สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรี

โดยไม่กลัวเป็น “ทุกขลาภ” ไม่สนโจทย์สถานการณ์ยากขนาดไหน

แต่กว่าจะได้เลือกตั้งใหม่ รอลุ้นรัฐบาลใหม่มาลากเศรษฐกิจขึ้นจากก้นเหว สภาพของประชาชนคนไทยคงต้องลำบากปากท้อง ไส้กิ่วกันอีกพักใหญ่

ชาวบ้านไส้กิ่ว ซึ่งนั่นก็ตรงกันข้ามกับนักการเมืองที่กำลัง “ปากมัน”

ห้วงเวลานาทีทองของท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ ที่ต่างอู้ฟู่ไปตามๆกัน

ด้านหนึ่งคือภาวะตามธรรมชาติของฤดูอภิปรายไม่ไว้วางใจที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งเรื่องให้นายกฯและ ครม.แล้ว

แนวโน้มน่าจะได้โรมรันพันตูกันกลางเดือนกรกฎาคม

แต่แค่เริ่มออกตัวก็ล่อกันฝุ่นตลบอบอวลแล้ว ตาม อาการของเหยื่อเชือดอย่าง “เสี่ยเฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ตั้งแง่ใส่ “ญัตติไม่ไว้วางใจเถื่อน”

คาใจที่ชื่อของตัวเองติดโผในนาทีสุดท้าย

จากการที่เจ้าตัวอ้างรายการ “คุณขอมา” จากคนนอกฝ่ายค้าน

นั่นทำให้นายสุชาติต้องลุ้น “กินบ๊วย” ติดต่อกันเป็นรอบที่สาม ตามอาการแบบที่เจ้าตัวต้องเดินสายกินข้าวกับพรรคเล็กเสียงเดียว รวมแต้มโหวตให้ได้มากสุดเท่าที่จะมากได้

เพราะรายการนี้ทีม “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย โหวตสวนแน่

“เสี่ยเฮ้ง” อาการน่าเป็นห่วงสุด เช่นเดียวกับ “เสี่ยโอ๋” นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส โจทก์คนสำคัญอีกคนของ “ผู้กองนัส” ที่ขู่กันตรงๆเลยว่า ระวังจะตกเก้าอี้

งานนี้ “เสี่ยโอ๋” ก็ต้องวิ่งรอกเก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน เหนื่อยไม่แพ้กัน

อีกรายก็คือนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ที่แบกท่อน้ำอีอีซี ล่อเป้าฝ่ายค้าน อีกด้านหนึ่งก็แฝงลูกหมั่นไส้ของ “ผู้กองนัส” ที่เคยจะซัดปากกันต่อหน้า “บิ๊กบราเธอร์” มาแล้ว

แนวโน้ม “สันติ” ก็อยู่ในข่ายเสี่ยงแต้มบ๊วยเหมือนกัน

“สันติ–ชัยวุฒิ–สุชาติ” ต้องดิ้นกันสุดแรงเกิดตามเดิมพันต้องหนีคะแนนไว้วางใจที่โหล่ อันจะมีผลต่อสถาน การณ์ปรับ ครม.ที่จะต้องเกิดขึ้นในห้วงท้ายเทอมรัฐบาล

ปรับเพื่อแต่งตัวเตรียมการเลือกตั้ง

ตามเงื่อนไขสถานการณ์ย่อมเข้าทางพรรคเล็กเสียงเดียว ขบวนการต่ำเอี่ยวเดินสายกินข้าวกับรัฐมนตรีเป้าเชือด เหยื่อเกมซ่อนแต้ม

เขย่ากล้วยกันมันมือ ตุนเบี้ยบำเหน็จก่อนหมดโอกาสกลับเข้าสภา

แบบที่ว่ากันว่า แค่ขยับ ก็มีคนพร้อมควักจ่ายให้ทันที

นั่นยังไม่นับแก๊งงูเห่าของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลที่ชูคอกันสลอน พร้อมโหวตสวนมติพรรคเทแต้มให้กับฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย ที่ครองแชมป์แต้มโหวตไว้วางใจสูงสุดมาต่อเนื่อง

เลี้ยงงูเห่าจนเชื่อง สั่งเทแต้มได้ตามปริมาณกล้วยที่ป้อนให้

และด้วยศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ ถือเป็นครั้งสุดท้ายของเทอมสภาผู้แทนราษฎร ตามจังหวะทิ้งทวนก่อนลงสนามเลือกตั้งใหญ่ แต้มที่เทให้กันจึงหมายถึง “มัดจำ” ในการย้ายพรรค

ตลาดนัด ส.ส.จะคึกคักไปในคราวเดียวกัน

ตามรูปการณ์ที่แทงหวยได้ งูเห่าพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ต้องโหวตไว้วางใจนายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรค รวมถึงนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรค เกินจำนวนเต็มของฝ่ายรัฐบาล

สวมวิญญาณเป็นทีมเซราะกราวกันโดยอัตโนมัติ

งูเห่า 1 เสียง 2 พรรค ไม่ต้องกลัวเสียงโห่ไล่ ไม่ต้องสนมารยาททางการเมืองกันแล้ว

และอย่างที่เห็นข่าวการย้ายพรรค โชว์พลังดูดไฮเพาเวอร์กันอึกทึกครึกโครม รายการ “ค้ามนุษย์” ในการเมืองไทยทำกันได้แบบโจ๋งครึ่ม

เศรษฐกิจปากท้องของชาวบ้านจะไส้กิ่วยังไง แต่เศรษฐกิจ ส.ส.อู้ฟู่ กินหรู แถมกล้วย

เงินสะพัดในวงการประมูลตลาดนัดผู้แทนราษฎร

แบบที่วงการเล่าลือ ยุทธการ “ตบทรัพย์ผู้รับเหมา” เรียกหัวคิว 30 เปอร์เซ็นต์ เอาเงินมาช็อป ส.ส. นั่นก็ไม่ต้องพูดถึงโครงการประมูลของรัฐจะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะส่วนหนึ่งถูกเฉือนเป็นทุนซื้ออำนาจเลือกตั้ง

ฟาดหัวคิว เอาเงินซื้อตัว ส.ส. เพื่อเข้ามาโกงกำไร วงจรอุบาทว์การเมืองไทย

“old normal” วิถีปกติเก่า น้ำเน่าเหม็นหนักยิ่งกว่าอดีต.

“ทีมการเมือง”