คกก.ประมวลสถานการณ์โรคโควิด-19 เตรียมเสนอ ศบค. ยกเลิกมาตรการวัดอุณหภูมิ ชี้ ประสิทธิผลตรวจคัดกรองผู้ป่วยต่ำ แต่ยังเน้นย้ำวัคซีนเข็มกระตุ้น สวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่เสี่ยง

วันที่ 13 มิ.ย. 2565 นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นพ.ทรงคุณวุฒิระดับ 11) และประธานคณะกรรมการประมวลสถานการณ์โรคโควิด-19 กระทรวงสาธารณสุข (MIU) เปิดเผยถึงหนึ่งในมาตรการคัดกรองโรคโควิด-19 ช่วงที่ผ่านมา คือ การวัดอุณหภูมิก่อนเข้าประเทศและตามสถานที่ต่างๆ เนื่องจากช่วงที่โรคโควิด-19 ยังมีความรุนแรง ผู้ป่วยมักมีไข้เป็นอาการนำ และเป็นการสร้างความตระหนัก

ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันทั้งสถานการณ์และเชื้อโควิด-19 มีความรุนแรงลดลงมาก ประชาชนได้รับวัคซีนเป็นจำนวนมาก ผู้ติดเชื้อมากกว่าครึ่งไม่แสดงอาการหรือมีอาการเล็กน้อย จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประโยชน์และประสิทธิผลของเครื่องวัดอุณหภูมิ นอกจากนี้ผู้ป่วยสามารถปิดบังอาการไข้ได้ด้วยการรับประทานยาลดไข้ ใส่เสื้อผ้าหนาปกคลุมร่างกาย การล้างหน้า และการใช้เครื่องสำอาง เป็นต้น คณะกรรมการ MIU จึงทบทวนมาตรการคัดกรองอุณหภูมิหลังผ่านพ้นการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19

จากการศึกษาพบว่า เครื่องวัดอุณหภูมิมีประสิทธิผลในการตรวจคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 ต่ำ โดยมีค่าความไวต่ำตั้งแต่ 0-39% ทำให้ค่าพยากรณ์ผลทั้งบวกและลบต่ำมาก ให้ผลบวกและลบปลอม ทั้งการใช้ที่สนามบินหรือสถานที่ต่างๆ ยังไม่พบหลักฐานทางวิชาการที่สนับสนุนถึงประโยชน์ในการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ดังนั้น จึงมีข้อเสนอเชิงนโยบายและมาตรการว่า ในปัจจุบันและหลังผ่านพ้นการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 อาจไม่จำเป็นต้องให้สนามบิน ช่องทางเข้า-ออกระหว่างประเทศ และสถานประกอบการต่างๆ คัดกรองผู้ติดเชื้อด้วยการวัดอุณหภูมิ ซึ่งในต่างประเทศก็มีคำแนะนำคล้ายกัน เช่น อังกฤษ ออกคำแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องวัดอุณหภูมิเพื่อคัดกรองผู้ป่วยโควิด, สิงคโปร์ ยกเลิกการคัดกรองอุณหภูมิในที่สาธารณะ ตั้งแต่ ส.ค. 2564, สหรัฐอเมริกาและแคนาดา ปัจจุบันไม่มีคำแนะนำเรื่องการวัดอุณหภูมิสำหรับการคัดกรอง

...

นพ.รุ่งเรือง กล่าวต่อไปว่า เครื่องวัดอุณหภูมิแบบสแกนร่างกายในสนามบินก็ไม่มีหลักฐานด้านประสิทธิผลในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่นกัน และยังต้องพัฒนานวัตกรรมที่มีประสิทธิผลในการคัดกรองโรคติดเชื้อที่ดีกว่านี้ในอนาคตสำหรับในกลุ่มนักเดินทาง อีกทั้งพบว่ามาตรการคัดกรองอุณหภูมิที่สนามบินอาจทำให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัยมากเกินไปจนส่งผลให้ละเลยมาตรการอื่นๆ (False security) และทำให้เกิดความไม่สะดวก

อย่างไรก็ตาม จะนำข้อเสนอดังกล่าวเสนอไปยังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เพื่อพิจารณาต่อไป แต่ยังคงเน้นย้ำมาตรการเรื่องวัคซีนเข็มกระตุ้น การสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่เสี่ยง กลุ่มเสี่ยงและผู้ที่มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้ ไอ มีน้ำมูก และให้มีการรักษาพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เช่น การล้างมือ การเว้นระยะห่าง ลดความแออัด รวมถึงการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี.