นายกฯ มั่นใจท่องเที่ยวไทยกลับมาดีขึ้นแน่ หลังร่วมแรงร่วมใจเดินมาจนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สำเร็จ ครวญ 8 ปี คิดถึงทะเล เป็นนายกฯ นานไปหน่อย แต่ลั่นไม่ตายคารัง ทุกอย่างอยู่ที่ประชาชน
วันที่ 6 มิ.ย. 2565 ที่โรงแรมบียอนด์ รีสอร์ท กะตะ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนากําหนดยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวประเทศไทย (Thailand Tourism Congress 2022) ที่โรงแรมบียอนด์ รีสอร์ท กะตะ โดยมี นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายวิจิตร ณ ระนอง อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้การต้อนรับ
ทั้งนี้นายกฯ กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ยุทธศาสตร์การยกระดับการท่องเที่ยวไทย สู่การท่องเที่ยวคุณภาพที่ยั่งยืน" โดยก่อนที่นายกฯ จะกล่าวปาฐกถาได้หยอกกับผู้ร่วมเข้าฟังว่า "Are You Ready ขออนุญาตถอดหน้ากากหน่อยนะ เพราะอยากได้ใจเธอ อยากเห็นหน้าเห็นตากัน ตนมา 3-4 ครั้งแล้ว ครั้งแรกๆ มายิ้มไม่ค่อยออก แต่ตอนนี้ยิ้มได้กว้างทีละนิด ถ้ามาแล้วเห็นความร่วมมือ ได้ยินสิ่งที่พวกเราพูดก็มีความสุข พอพวกเราเจ็บปวด ผมเจ็บปวดกว่า เพราะผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมต้องแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้น แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ต้องขอขอบคุณในคำกล่าวของทุกคนเป็นการพูดที่สรุปได้ตรงใจและขอปรบมือให้ คุณบอกเป็นพระอาทิตย์ คุณอย่าลืมพระจันทร์ เพราะผมคือจันทร์โอชา เรามีหัวใจดวงเดียวกันที่จะทำให้ประเทศ จังหวัด พื้นที่ของเราเดินไปข้างหน้า"
...
นายกฯ กล่าวว่า ประเทศเราจำเป็นต้องศึกษาต่อยอดทุกเรื่อง เรามีของดีอยู่แล้ว เรามีรอบยิ้มที่ใครกก็รัก นายกฯ อาจจะยิ้มน้อย หน้าดุบ้างเป็นบ้างครั้ง เพราะคุ้นเคยกับชีวิตที่ค่อนข้างจะเครียดมาโดยตลอด เจอปัญหามาตลอดชีวิต แต่เมื่อเห็นพวกกเราวันนี้ก็ยิ้มได้ ซึ่งก็ยินดีกับพวกเราด้วยที่การรตัดสินใจของนายกฯ และรัฐบาลไม่ผิดในการเลือก จ.ภูเก็ต เป็นสถานที่นำร่องการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งวันนั้นเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุด รวมถึงการร่วมแรงร่วมใจจนเดินมาถึงวันนี้ และเป็นตัวอย่างของทั้งโลก ซึ่งต่างประเทศก็กล่าวถึงกาารบริหารราชการของรัฐบาลที่ตัดสินใจในเรื่องนี้ ซึ่งตนก็บอกไปว่า เป็นความร่วมมือของคนทั้งประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงาน ขณะที่นายกฯ กล่าวช่วงหนึ่งว่า ไม่มีใครที่จะแก้ปัญหาได้โดยลำพังทั้งสิ้น หรือใครว่าไม่ใช่ ถ้าดีท่านเอาไปเลย ถ้าไม่ดีผมรับผิดชอบนั้น ได้มีผู้เข้าร่วมงานได้ตะโกนว่า "ลุงตู่ สู้ๆ" ซึ่งนายกฯ ได้ตอบว่า "ขอบคุณ ผมสู้มาโดยตลอด สู้ตั้งแต่วันนั้นมาถึงวันนี้ เมื่อกี้ผมนั่งในห้องรับรองกับ รมว.แรงงาน พอเห็นทะเลก็อยากลงน้ำ 8 ปีแล้วที่ตนไม่ได้เหยียบน้ำทะเล ทั้งที่แต่ก่อนผมไปเที่ยวได้อย่างอิสระเสรี แต่วันนี้ไปไหนไม่ได้ ผมไม่ได้กลัวใคร แต่ไม่ต้องการเป็นภาระของใครและเป็นปัญหา แต่ผมคิดถึงน้ำทะเล คิดถึงทะเลใสๆ พอมองจากหน้าตาออกไป โอ้โหประเทศไทย ผมภูมิใจที่ได้เกิดมาในประเทศไทย"
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถึงแม้ตนไม่ได้อยู่ภูเก็ตแต่ตนลำบาก เพราะตนอยู่กับ 77 จังหวัดที่เดือดร้อนจากโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลพยายามที่จะแก้ให้หมด เพื่อพยุงประเทศให้เดินไปข้างหน้าให้ได้ วันนี้เราต้องค้นหาทางออกของเราที่จะไปสู่ความยั่งยืน วิกฤติที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นความร่วมมือทุกภาคส่วน ตนไม่เคยโกรธท่านหรอก เพราะตนรู้ว่าคนถ้าไม่ลำบาก ไม่เดือดร้อน เขาไม่พูด เขาไม่บ่นหรอก แต่ตนก็จำเป็นเพราะต้องรับฟังคน 60-70 ล้าน ซึ่งต้องดูทุกคนให้ไปให้ได้ในแนวทางและทิศทางที่เราจะพัฒนากันต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า กติกา กฎหมายอะไรที่เป็นกิโยตีนเราพยายามที่จะแก้ไข ซึ่งพยามยามที่จะเอาเข้าสภาให้ได้ ไปรับฟังการมีส่วนร่วม และขึ้นอยู่ว่ารัฐบาลสนับสนุนได้อย่างไรมากน้อยแค่ไหน อะไรก่อน อะไรหลัง เราจึงต้องสร้างโครงสร้างรายได้ใหม่ สร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราอยู่ได้จนถึงวันนี้ เราต้องทำให้การท่องเที่ยวยิ่งใหญ่กว่าเดิม ต้องทำเป็นประวัติศาสตร์สำหรับคนที่มาบ้านเรา ทำให้เขามาเที่ยวประเทศไทยได้ทั้งปี ทั้งการไปสู่อนาคต เราต้องเดินไปอย่างมั่นคง เข้มแข็ง แข็งแรง ถ้าก้าวเร็วเกินไปก็พลาด ก้าวช้าเกินไปก็ไม่ทันเขา
"มีหลายคนมองว่า ทำไมผมดุนัก ความจริงผมไม่ได้ดุ หน้าผมเป็นคนอย่างนี้ หน้าผมกำลังคิดอยู่ คนจะให้ยิ้มทั้งวันได้อย่างไร ปัญหาอื่นมีเข้ามา ผมบ่นไม่ได้ เพราะเป็นนายกฯ หลายคนหาว่าผมบ่น วันนี้การท่องเที่ยวตัวเลขเริ่มดีขึ้นมาอีกครั้ง ผมมั่นใจสถานการณ์การท่องเที่ยวของเราจะค่อยๆ กลับคืนสู่ภาวะปกติและดีขึ้นกว่าเดิม ประเทศชาติก็สงบสุขในระดับหนึ่งก็อยู่ที่พวกเรา นายกฯ บังคับใครไม่ได้มากนักหรอก ขอให้นึกถึงประเทศไทย นี่คือแผ่นดินเกิด แผ่นดินหากิน แผ่นดินตาย แต่ถ้าไม่ไปตายเมืองนอกก็นี่แหละแผ่นดินเรา ทำการท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ภูเก็ตก็ต้องร่วมมือกับจังหวัดอื่นด้วย วันนี้การท่องเที่ยวเป็นพระเอก เป็นการลงทุนที่ไม่มากนัก" นายกฯ กล่าว
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการสร้างห่วงโซ่การท่องเที่ยวให้เชื่อมต่อกันให้ได้ พร้อมอมอบยุทธศาสตร์แห่งรอยยิ้ม (SMILES) ให้ทุกคนได้นำไปเป็นกรอบระดมสมองให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ทั้งเรื่องการใช้พลังงานไปจนถึง Food Waste ให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ทางด้านการท่องเที่ยว การให้ความสำคัญกับระบบนิเวศทางการท่องเที่ยว ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลอยากให้เน้นเพื่อการท่องเที่ยวคือ ให้ความสำคัญเรื่องคน (People) ใส่ใจโลก (Planet) และสิ่งแวดล้อม (Profit) และกำไรของท่านจะตามมาเอง
ทั้งนี้ประเทศไทยกำลังเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษ หรือ Specialized Expo 2028 ที่จังหวัดภูเก็ต จะต้องสู้ให้ชนะ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเห็นชอบไปแล้ว โดยมอบหมายให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีนำคณะไปฝรั่งเศสระหว่างวันที่ 18-20 มิ.ย.นี้ ซึ่งต้องไปแข่งขันกับหลายประเทศก็ขอให้สำเร็จ
ในตอนท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "นายกฯ เป็นคนที่นึกถึงคนอื่นเสมอ อยากให้ทุกอย่าง วันนี้มาก็ให้หัวใจคนภูเก็ตไปหมดแล้ว ผมไม่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน เป็นแต่ ผบ.ทบ. แต่อาจจะเป็นนานหน่อย แต่ก็ทำให้งานมันเดิน เพราะเรามียุทธศาสตร์ ผมไม่ได้อยู่จนตายคารังเสียเมื่อไหร่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชนอยู่แล้ว แต่วันนี้ระหว่างที่เราอยู่ก็ขอให้ช่วยกัน วันนี้ชื่นใจที่มาฟังทุกคนพูด เพราะพูดแล้วมีสาระ ผมไม่เบื่อ ผมฟังแล้วสบายใจ เปิดอกพูดกัน พูดด้วยความหวังดี ไม่ใช่พูดด้วยความเกลียดชัง ก็ทำให้ผมยิ้มยาก ผมพร้อมที่จะยิ้มให้กับทุกคนความจริง เพราะผมเป็นคนใจดีนะ ขอบคุณมากๆ ผมมีความตั้งใจ มีความพยายามสูง แต่จะสำเร็จหรือไม่ก็อยู่ที่เราช่วยกัน".