“พล.อ.ประยุทธ์” ตรวจราชการภูเก็ต ชูความสำเร็จแซนด์บ็อกซ์ ความภาคภูมิใจคนไทย ชี้ ไทยไม่ได้ด้อยกว่าใคร ฝากร่วมกันรักและเทิดทูนสถาบันชาติ บอก เป็นนายกฯ ใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่อง ต้องถามคนโน้นคนนี้
วันที่ 6 มิ.ย. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ภูเก็ต พร้อม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยเดินทางไปถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ในเวลา 13.00 น. โดยมี นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ข้าราชการ และ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ นายสุทา ประทีป ณ ถลาง ส.ส.ภูเก็ต เขต 1 นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 และนายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 ร่วมต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณที่มาต้อนรับ พร้อมระบุว่า “จำได้ทุกคน จำหน้าได้” พร้อมให้กำลังใจว่า “สู้เขาได้อยู่ แต่ก็แข่งกับเขาให้ได้ก็แล้วกัน” จากนั้นเข้าไปยังห้องรับรองและพูดคุยเป็นการส่วนตัวประมาณ 5 นาที
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทักทายนักท่องที่ยว และขอบคุณพร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต หลังได้รับรายงานมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มมากขึ้นหลายเที่ยวบิน 2-3 พันราย ขอให้ดูแลและอำนวยความสะดวกดีๆ อย่าให้เกิดปัญหาอะไรขึ้น มีอะไรก็ขอให้บอกมา จากนั้นจึงเดินทางต่อด้วยรถยนต์โตโยตาอัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน กม 9898 ภูเก็ต ไปยังโรงเรียนพุทธมงคลนิมิตร ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต โดยทะเบียนรถยนต์ที่นายกรัฐมนตรีใช้ในพื้นที่ยังคงได้รับความสนใจของนักเสี่ยงโชค มีรายงานว่าเลขดังกล่าวถูกซื้อจนเกลี้ยงแผงแล้ว
...
ที่โรงเรียนพุทธมงคลนิมิตร พล.อ.ประยุทธ์ ตรวจเยี่ยมรับฟังรายงานารจัดการการศึกษาแบบมีส่วนร่วมว่าด้วยความร่วมมือการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน และเป็นประธานสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน โดยตัวแทน 4 หน่วยงานร่วมลงนามและพบปะผู้นำท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ และหน่วยงานด้านการศึกษา และมอบนโยบายการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วม ว่า จ.ภูเก็ต ถือเป็นหน้าตาประเทศ เราได้ทำให้ภูเก็ตก้าวข้ามโควิด-19 เป็นจังหวัดแรกที่เราทำภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์จนสำเร็จ น่าภาคภูมิใจ และสิ่งที่เราทำทั่วโลกรับรู้ ผู้นำแต่ละประเทศชื่นชม นำไปเป็นแบบอย่าง แม้เราได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างรุนแรง เจอปัญหาโลก เจอความผันผวน ท้าทาย แต่จิตใจพวกเราไม่เคยท้อ ตนได้ฟังรายงานมีความสุข มีกำลังใจให้ได้ทำต่อไป ทำให้ได้รับแรงบันดาลใจ ขอบคุณทุกภาคส่วนร่วมมือกัน
“รัฐบาลทำทุกอย่างแม้จะเผชิญปัญหามากมาย แต่เราไม่ทิ้งเรื่องการศึกษา เพราะนี่คืออนาคตของประเทศไทย สิ่งที่ทำวันนี้คืออนาคตของพวกเรา ทั้งนี้ พื้นฐานประเทศเราไม่มีด้อยกว่าใคร ถ้าย้อนไปดูประวัติศาสตร์ของเราหลายร้อยปีที่ผ่านมาไม่มีประเทศไหนที่เราน้อยหน้ากว่าเขา สิ่งเหล่านี้จะต้องให้เกิดในจิตใจเด็กของเราให้เขาภูมิใจ หน้าที่และสิทธิมาด้วยกันเสมอ และเรามี 3 สถาบันหลักของประเทศ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องปลูกฝังให้ทุกคนได้เข้าถึงประวัติศาสตร์ ศาสนา สถาบันหลักของเรา เราทิ้งไม่ได้ สังคมแห่งการแบ่งปัน ช่วยเหลือ เห็นใจซึ่งกันและกัน สิ่งเหล่านี้อย่าให้ถูกทำลายโดยเด็ดขาด หลายอย่างรัฐบาลทุ่มเทอย่างหนัก หลายอย่างอยู่ในกระบวนการ และทำสำเร็จไปบ้าง จะทำใหม่บ้าง”
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงเรื่องงบประมาณ เข้าใจว่ามีหลายส่วนที่เพิ่งมีการอภิปรายไปรัฐบาลยืนยันว่าจะดูแลอย่างเต็มที่ ทั้งท้องถิ่น จังหวัด ส่วนกลางต้องไปด้วยกัน หลังจากการพิจารณางบประมาณมา ถ้ามีงบประมาณที่ถูกตัดทอนก็จะมาเติมส่วนที่ขาดได้ในจุดที่จำเป็น นายกฯ ให้ความสำคัญท้องถิ่น หลายอย่างรู้ปัญหาอยู่ตรงไหน ต้องช่วยกันทั้งคู่ ขอให้นายกฯ ท้องถิ่น ทำให้สำเร็จในสิ่งที่พูด วันหน้าก็มาเป็นนายกฯ อย่างตน ขอให้สิ่งที่ท่านทำเป็นกุศล ทำให้คนที่เดือดร้อนคนที่ลำบากดีขึ้น วันนี้ถึงเวลาที่ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ มากบ้างน้อยบ้างก็ว่ากันไป
“การที่บอกว่ารัฐบาลจะไม่ช่วย ให้แต่คนอื่นช่วยมันไม่ใช่ มันต้องไปด้วยกันคนละไม้คนละมือ เพราะนี่คือแผ่นดินของเรา ต้องปรับวิธีการเรียนการสอน ต้องสอนให้เด็กมีหลักคิด คนเราถ้าขาดหลักคิดใช้ตำราอย่างเดียววันหน้าจะคิดยาก คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น คิดแล้วต้องทำให้ได้ อย่างผมคิดจนหัวจะแตกอยู่แล้ว ผมเป็นนายกฯ ไม่ใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่อง ก็ถามคนโน้นคนนี้มา และนำมาหารือ ซึ่งผมทำทุกอย่างอยู่”
อย่างไรก็ตามในช่วงท้าย นักเรียนจากโรงเรียนพุทธมงคลนิมิตร ร่วมกันร้องเพลง บ้านเกิดเมืองนอน ร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเด็กๆ ระบุว่าซ้อมมา 3 วัน โดยนายกฯ เดินเข้าไปยังกลุ่มเด็กๆ ร้องเพลงคลอไปด้วย พร้อมกล่าวว่า เราต้องรู้จักว่าบ้านเกิดเมืองนอนของเราคือที่ไหน ที่นี่คือประเทศไทย และนี่คือธงชาติไทย ที่เราจะต้องร่วมกันรักเทิดทูนสถาบันชาติกันต่อไป.