พปชร.แจง นโยบาย "ค่าแรง-เงินเดือน" ยัน รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่จำเป็นต้องบริหารประเทศใต้วิกฤติ โควิด-19 ซึ่งเป็นเรื่องเหนือคาดหมาย ขับเคลื่อนนโยบาย จึงต้องปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น 

วันที่ 1 มิ.ย. 65 ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส. กทม. เขต 2 และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงถึงประเด็นที่มีการกล่าวถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะประเด็นค่าแรงขั้นต่ำ ว่าทำไม่ได้ตามนโยบายที่หาเสียงไว้ จึงขอชี้แจงคร่าวๆ ดังนี้ รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ในช่วงกลางปี 2562 เพียงประมาณครึ่งปีก็เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเราทราบกันดีอยู่แล้วว่า เป็นปัญหาที่ประสบกันทุกประเทศทั่วโลกอย่างรุนแรง ดังนั้นในการแก้ไขปัญหานี้ ทางภาครัฐเองก็ต้องพยายามทุ่มเททั้งกำลังคน และงบประมาณในการดูแลชีวิตและสุขภาพของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด จนได้รับการยอมรับทั่วโลก ว่าประเทศไทยสามารถแก้ไขปัญหาในสถานการณ์โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี

"เรื่องการขึ้นค่าแรง เงินเดือน นั้น หากปรับเพิ่มขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้ จะส่งผลกระทบต่อทุกฝ่าย ผู้ประกอบการก็จะแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ในสภาวะที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่แล้ว ผู้ลงทุนต่างชาติ ก็จะย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น ส่วนลูกจ้าง ผู้ใช้แรงงาน และผู้ได้รับผลกระทบกลุ่มอื่นๆ รัฐบาลก็พยายามแบ่งเบาภาระโดยออกมาตรการต่างๆ มาช่วยเหลือ เช่น โครงการคนละครึ่ง, โครงการเราชนะ, ลดค่าน้ำ-ค่าไฟ, โครงการลดเบี้ยประกันสังคม, โครงการพักชำระหนี้ ฯลฯ ซึ่งที่ผ่านมาทุกภาคส่วนก็เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นดี และร่วมมือร่วมใจ เสียสละเพื่อส่วนรวม เพื่อผ่านพ้นวิกฤติไปด้วยกัน ซึ่งยอมรับว่าทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบกันหมดทั่วโลก มากบ้างน้อยบ้าง" ดร.พัชรินทร์ กล่าว

...

ดร.พัชรินทร์ ย้ำว่าในการขับเคลื่อนนโยบาย ต้องยอมรับว่า เมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้ เราคงไม่สามารถที่จะเอาการเมืองมานำสถานการณ์ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ เราต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ในการขับเคลื่อนนโยบาย และขณะนี้ยังเกิดสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงซ้ำเติมทั่วโลกอีก โดยรัฐบาลก็ยังคงตั้งใจแก้ปัญหาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไป.