ช่วงนี้คงไม่มี “แฝด” คู่ไหนในประเทศไทยโด่งดังเท่ากับคู่ “ฉันชาย-ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เพราะหลังจากแฝดน้อง ชัชชาติได้รับคะแนนเสียงแบบแลนด์สไลด์กว่า 1.3 ล้านเสียงให้เป็นผู้ว่าฯ กทม.แล้ว...สื่อต่างๆนอกจากจะลงข่าวเรื่องการเมืองหรือเรื่องการงานเกี่ยวกับนโยบายพัฒนา กทม.ต่างๆแล้ว

ยังพลอยลงเรื่องราวของ “2 คู่แฝด” ไปด้วย

ทำให้ผมอดนึกถึง “คู่แฝด” ที่เคยโด่งดังมากอีกคู่หนึ่งเสียมิได้ “เขาทราย–เขาค้อ แกแล็คซี่” นักมวยแชมป์โลกขวัญใจชาวไทยในอดีตไงล่ะครับ

ช่วงที่เขาทรายโด่งดังมาก ผมได้รับมอบหมายจากกองบรรณาธิการไทยรัฐให้ไปสัมภาษณ์ “เขาทราย” มาเขียนเป็นสารคดีวันต่อวันลงในหน้ากีฬาไทยรัฐติดต่อกันเกือบ 3 เดือน

แฟนติดตามอ่านกันเกรียวกราว จนมีคนมาขอซื้อไปพิมพ์เป็นพ็อกเกตบุ๊กและทำให้นามปากกา “จ่าแฉ่ง” ของผมพลอยแจ้งเกิดไปด้วย

เขาทรายบอกผมว่า เขากับพี่ชาย “เขาค้อ” ดวงจะคล้ายคลึงกัน อาจเพราะเกิดใกล้ๆกัน แต่ก็แปลกอยู่อย่าง ดวงของเขาทรายจะดีกว่าพี่เขาค้ออยู่เสมอๆ

ครั้งหนึ่งทั้ง 2 คนถูกหวยพร้อมๆกัน งวดเดียวกัน ปรากฏว่าเขาทรายถูกรางวัลที่ 5 ได้เงินเป็นหมื่น แต่เขาค้อถูกแค่เลขท้าย 3 ตัว สมัยโน้นรางวัล 4 หรือ 5 ร้อยบาทเท่านั้น

ด้วยลักษณะดวงที่คล้ายๆกัน แต่เวลาคนหนึ่งดีจะดีมากกว่านี่เอง เมื่อถึงเวลาที่เขาทรายเป็น “แชมป์โลก” จึงเป็นแชมป์โลกที่ยิ่งใหญ่กว่า จารึกทั้งประวัติศาสตร์วงการมวยไทยและวงการมวยโลก ในฐานะที่ป้องกันตำแหน่งได้ถึง 19 ครั้งเป็นสถิติสูงสุดของโลกยุคนั้น

ในขณะที่เขาค้อแม้จะได้แชมป์โลกเหมือนกัน แค่ป้องกันหนแรกก็แพ้ซะแล้ว ครั้นมีโอกาสได้ชิงกลับมาใหม่ป้องกันหนที่ 2 ก็แพ้อีก คราวนี้แพ้เพราะเป็นโรควูบ หลับกลางอากาศไปดื้อๆ ทั้งๆไม่โดนหมัดคู่ต่อสู้ ต้องเลิกชกมวยแต่นั้นมา

...

นี่คือเรื่องของคู่แฝดดังในอดีตยุค พ.ศ.2520 กว่าๆ จนถึง พ.ศ.2530 กว่าๆ หรือเมื่อ 30 กว่าปีก่อนโน้น

ทีนี้ก็มาถึงคู่แฝดที่โด่งดังมากของปี 2565 หรือ 30 ปีให้หลังบ้าง ได้แก่คู่ “ฉันชาย” และ “ชัชชาติ” สิทธิพันธุ์ ดังที่เกริ่นไว้

ตามประวัติบอกว่า แฝดคู่นี้เป็นบุตรชายของ พล.ต.อ.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่นักข่าวโรงพักรุ่นเก่ารู้จักคุ้นเคยอย่างดียิ่ง

ตอนเกิดใหม่ๆ ท่านตั้งชื่อให้ลูกชายแฝดของท่านว่า เด็กชายชัยวัฒน์ กับ เด็กชายชัยวุฒิ

พออายุ 3 ขวบ ท่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้มีโอกาสเข้าเวรถวายอารักขาในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงได้ขอพระราชทานชื่อให้แก่ลูกชายทั้ง 2 ซึ่งต่อมาทรงโปรดเกล้าฯ ให้ ด.ช.ชัยวัฒน์ เป็น ด.ช.ฉันชาย มีความหมายว่า ฉันเป็นผู้ชาย ส่วน ชัยวุฒิ เปลี่ยนเป็น ชัชชาติ มีความหมายว่า ชาตินักรบ

นามทั้ง 2 นี้ จึงเป็นนามพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9

แฝดคู่นี้ไม่ได้เก่งทางการมวยแต่เก่งทางการเรียน จากสาธิตจุฬาฯ มาสอบเข้าเตรียมอุดมได้ทั้งคู่ จากเตรียมฯ ตั้งใจจะเข้าวิศวะทั้งคู่ แต่พ่อเสน่ห์ ขอไว้อยากให้เป็นหมอสักคนไว้ดูแลพ่อแม่ตอนแก่

ฉันชาย เป็นผู้เสียสละยอมไปเรียนแพทย์ที่จุฬาฯจนได้เกียรตินิยมอันดับ 2 และไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านโรคปอดและทรวงอกที่สหรัฐฯ 4 ปี กลับมาเป็นอาจารย์ที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งคณะบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

ชัชชาติ เข้าเรียนวิศวะฯ โยธา เกียรตินิยมอันดับ 1 จากจุฬาฯ จบปริญญาโทด้านวิศวกรโครงสร้างจาก MIT (สถาบันเทคโนโลยีแห่งรัฐแมสซาชูเสตต์) และจบปริญญาเอกวิศวกรโครงสร้าง จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ จากสหรัฐฯเช่นกัน

กลับมาเป็นอาจารย์วิศวะจุฬาฯ เป็นรัฐมนตรีช่วยคมนาคม และรัฐมนตรีคมนาคม ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก่อนจะออกไปเป็นซีอีโอหลายบริษัท แล้วก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม.ด้วยคะแนนกว่า 1.3 ล้านเสียง

เปรียบเทียบแบบนี้แล้ว แฝดน้อง ชัชชาติ ดูเหมือนดังกว่าแฝดพี่ฉันชาย คล้ายๆเขาทรายโดดเด่นกว่าเขาค้อ แต่แม่เจ้า...การเป็นคณบดีแพทย์ จุฬาฯ หรือ ผอ.โรงพยาบาลจุฬาฯ เนี่ยก็ไม่เบานา

ดูๆแล้วคุณหมอแฝดพี่ท่านนี้จะโด่งดังไปอีกนาน ไม่เป็น “โรควูบ” ง่ายๆ แบบเขาค้อแน่ๆ ขอเอาใจช่วยเอาใจเชียร์ทั้ง 2 ท่านให้ทำงานรับใช้ “สังคมไทย” ต่อไปนานๆนะครับ.

“ซูม”