เสร็จพิธีไหว้ตรุษจีน ยังเป็นเวลาเช้ามืด ก้าวแรกที่ฮ่องเต้เฉียนหลง เสด็จเข้าสู่ตำหนักว่าราชการ “ไท่เหอเตี้ยน” จิ้งหรีดนับหมื่นตัวก็จะส่งเสียงร้องระงม
นี่คือพิธีกรรมสำคัญ “หมื่นแคว้นมาเข้าเฝ้า” ที่เหล่าขันทีรังสรรค์ปั้นแต่ง ถวายการต้อนรับ
(มองตะเกียบเห็นป่าไผ่ 3 นิธิพันธ์ วิประวิทย์ สำนักพิมพ์โพสต์บุ๊คส์ พ.ศ.2561)
จิ้งหรีดเขียว ภาษาจีน กัวกัว พ้องเสียงคำว่า “กั๋ว” แคว้น จิ้งหรีดนับหมื่นเจ้าของเสียงขับขาน กับชื่อพิธีหมื่นแคว้นมาเข้าเฝ้า ทำให้เจ้าเหนือหัวพอพระทัย...จึงไม่ใช่เรื่องมโนเกินความเป็นจริง
แต่กว่าจะมาเป็นพิธีนี้ได้ โปรดิวเซอร์วงออเคสตราจิ้งหรีดวงนี้ ต้องใช้พลังปัญญาไม่น้อย
เริ่มแต่จิ้งหรีดจะถูกจับมาใส่ไว้ในกระปุกน้ำเต้าแต่ละใบ เรียงลำดับไว้สองฝั่งข้างบัลลังก์
การจับจิ้งหรีดหมื่นตัวมาไว้ ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การทำให้พวกมันส่งเสียงขับขานได้ดังใจ...ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“กัวกัว” เป็นจิ้งหรีดฤดูร้อน มันจะส่งเสียงร้องเฉพาะในฤดูร้อน หรืออย่างดีก็ในฤดูใบไม้ผลิ
และจะหยุดเสียงร้องทันที เมื่อย่างเข้าฤดูหนาว และในฤดูนี้จิ้งหรีดเขียวส่วนใหญ่จะตาย เหลือรอดบ้างหากถูกเลี้ยงดูอย่างดี
แน่ละ จิ้งหรีดเขียวที่ขันทีจับมาถนอมเลี้ยง...มีชีวิตรอดได้ โดยธรรมชาติมันไวต่อความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ มันสงบนิ่งอยู่ในกระปุกน้ำเต้า รอวันรอเวลาที่จะได้ทำหน้าที่
เมื่อเฉียนหลงฮ่องเต้ ย่างพระบาทเข้าตำหนัก ขันทีที่เตรียมพร้อมรอ ก็จะใช้เครื่องเป่าความร้อนใส่ตัวพวกมัน ทันทีที่ตัวแรกส่งเสียงร้อง ตัวต่อๆมาก็จะส่งเสียงตาม
...
และขับขานประสานเสียงกันเหมือนวงออเคสตราวงใหญ่
ที่จริงนี่ก็คือภูมิปัญญาชาวบ้าน คนจีนนิยมเลี้ยงจิ้งหรีดปั่นหัวให้มันกัดกันเพื่อเล่นพนัน และยังนิยมเลี้ยงพวกมันไว้ฟังเสียงแก้เหงา
อย่าลืมโลกสมัยกว่าสองร้อยปีที่แล้ว สมัยที่โลกยังไม่รู้จักเครื่องบันทึกเสียง เสียงที่ได้ยิน นอกจากเสียงดนตรีที่คนเล่น ก็มีเพียงเสียงจากธรรมชาติ เสียงนก กบ แมลง เสียงใบไม้ไหว เสียงน้ำไหล ฯลฯ
เสียงจิ้งหรีด เป็นหนึ่งเสียงที่นิยม ค่ำคืนหน้าหนาวมีเสียงจิ้งหรีดไว้ฟัง เป็นสิทธิพิเศษของคนเล็กคนน้อย ไปถึงคนใหญ่ระดับฮ่องเต้
จึงไม่แปลก ที่เสียงมโหรีจิ้งหรีดหมื่นตัว เปรียบได้กับ “หมื่นแคว้นมาเข้าเฝ้า” จึงสมพระเกียรติและเป็นที่พอพระทัยมาก
และก็ไม่แปลกอีก ที่อาชีพขันที เจ้าของมโนสร้างสรรค์พิสดาร จึงเป็นอาชีพที่ยืนยงมั่นคง อยู่ในราชสำนักมาเนิ่นนาน
ขันทีก็มีหน้าที่ขันทีครับ เหมือนกับพวกผม มีอาชีพนักข่าว ก็ต้องทำหน้าที่นักข่าว เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา ชี้ว่าน่าจะหมดเวลาที่ทหารร้องเพลงขอ...เจอท่านผู้นำ เราก็ถาม
ก็คงไม่แปลกอีกล่ะครับ...เมื่อท่านผู้นำ...ไม่พอใจ คำตอบว่า เสียงประชาชน ไม่ใช่เสียงคน กทม.เท่านั้น ต้องฟังเสียงคนจากบ้านอื่นเมืองอื่นอีกมากมาย...ชาว กทม.อย่างเราๆก็พอฟังได้
แล้วก็คงไม่กล้าถามตามที่ใจอยากถามต่อ...
คะแนนคน กทม. ออกมาอย่างนี้ น่าจะถึงเวลาที่ท่านจะต้องไปได้แล้ว
พวกเราอาชีพนักข่าวครับ ไม่ได้ถูกฝึกฝนมาให้มีอาชีพขันที อาชีพนั้นเขาทำทุกเรื่องเพื่อสอพลอ ให้เจ้านายรื่นเริงบันเทิงใจได้อย่างเดียว.
กิเลน ประลองเชิง