“หมอบัญญัติ” แจ้งผลประชุม กมธ. กยศ. ลงมติชนะเฉียดฉิว 12 ต่อ 11 ไม่คิดเบี้ยปรับลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้คืนกองทุน พร้อมขยายระยะเวลาปลอดหนี้ กยศ. 2 ปี หลังสำเร็จการศึกษา

วันที่ 20 พ.ค. 2565 ที่อาคารรัฐสภา นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ( ฉบับที่ .. ) พ.ศ. .... แถลงผลการพิจารณาของคณะ กมธ. ครั้งที่ 12 เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2565 ดังนี้ ที่ประชุม กมธ. ได้พิจารณามาตรา 17 ซึ่ง กมธ.เสียงข้างมาก 12 เสียงต่อ 11 เสียง ลงมติไม่คิดเบี้ยปรับ กรณีลูกหนี้ กยศ. ผิดนัดชำระหนี้คืนกองทุน ด้วยเหตุผลเพื่อเป็นการลดภาระให้กับลูกหนี้กองทุน กยศ. ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ส่วนเหตุผลของ กมธ.เสียงข้างน้อย ที่สงวนความเห็นให้คิดเบี้ยปรับร้อยละ 1 ต่อปี เพื่อเป็นการรักษาวินัยทางการเงินของผู้กู้ เกรงว่าถ้าไม่มีเบี้ยปรับเลย ผู้กู้จะปล่อยปละละเลยการชำระหนี้เงินกู้ ซึ่งจะกระทบต่อผู้กู้ที่เป็นรุ่นต่อไปจะไม่มีเงินให้กู้เพื่อเรียนต่อ ซึ่งร่าง พ.ร.บ. ฉบับ ของ ครม. และร่าง พ.ร.บ. ฉบับของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ปรับลดเบี้ยปรับจากร้อยละ 18 ต่อปี ในกฎหมายปัจจุบัน เหลือเพียงร้อยละ 1 ต่อปี ถือว่าเป็นการลดภาระเบี้ยปรับค่อนข้างมากอยู่แล้ว

นอกจากนี้ คณะกมธ.ยังได้มีมติให้ผู้กู้เงินกองทุน กยศ. มีสิทธิประโยชน์จากระยะเวลาปลอดหนี้เป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่สำเร็จการศึกษา เลิกการศึกษา หรือพ้นสภาพการศึกษา

สำหรับเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ กยศ. คณะ กมธ.ได้ลงมติเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2565 ให้ปรับลดดอกเบี้ยจากกฎหมายปัจจุบันที่คิดดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 7.5 ต่อปี เหลือเพียงไม่เกินร้อยละ 0.25 ต่อปีไปแล้ว โดยปรับลดจากร่าง พ.ร.บ.ฉบับของ ครม. และร่าง พ.ร.บ.ฉบับของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุไว้ร้อยละ 2 ต่อปี เพื่อบรรเทาภาระทางเศรษฐกิจของผู้กู้

...

สำหรับกรณีผู้ค้ำประกันเงินกู้ กยศ.นั้น คณะกมธ.อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่ง กมธ.มีแนวโน้มว่าจะยกเลิกไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้ค้ำประกัน เช่น บิดา มารดา คุณครู โดยให้นักเรียนนักศึกษาค้ำประกันตนเอง แต่อาจจะให้มีผู้ค้ำประกันเฉพาะกรณีกู้เพื่อเรียนต่อปริญญาโท ปริญญาเอก ที่มีวงเงินกู้ค่อนข้างสูงเท่านั้น ซึ่งคณะ กมธ.ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้บนพื้นฐานของการส่งเสริมให้การศึกษา เป็นมาตรการแก้ไขความเหลื่อมล้ำของประชาชนเนื่องจากกการศึกษาเป็นการสร้างทุนมนุษย์ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติ หากผลการพิจารณาเป็นเช่นใดจะนำมาแถลงข่าวในครั้งต่อไป.