การหาเสียงเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. คนที่ 17 ได้ผ่านโค้งสุดท้ายมาแล้ว การหย่อนบัตรเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ 22 พฤษภาคม ตั้งแต่เวลา 08.00–17.00 น. เป็นการเลือกตั้งที่มีลุ้นกันสุดมัน คน กทม.ที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งกว่า 4.4 ล้านคน จะเลือกใครเป็น “ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่” ในรอบ 9 ปี สัปดาห์นี้เทวดาฟ้าฝนส่งสัญญาณมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ฝนตกน้ำท่วม รถติด น้ำท่วมบ้านเรือนเสียหาย เครื่องสูบน้ำ กทม.ใช้การไม่ได้ อุโมงค์ยักษ์หลายหมื่นล้านน้ำไหลไปไม่ถึง ท่อระบายน้ำตัน คลองระบายน้ำตื้นเขิน ความเดือดร้อนที่ซ้ำซากเหล่านี้คงทำให้คนกรุงเทพฯตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ได้ง่ายขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม อนาคตที่ดีกว่าเดิม ถ้าตัดสินใจผิดก็โทษใครไม่ได้ในอนาคต

วันพรุ่งนี้ตัดสินใจให้ดีก่อนเข้าคูหาเลือกตั้ง จะกาเบอร์ไหนเป็นผู้ว่าฯ กทม.ของเรา ตัวเต็งผู้ว่าฯ กทม. จากสารพัดโพล เหลือไม่กี่คนแล้ว

ช่วง 3 วันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง “วิชามารการเมือง” เริ่มออกมาให้เห็นทุกวัน หวังสร้างความเกลียดชังตัดคะแนนเสียงอีกฝ่าย ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า สถาบันที่มีความเป็นกลางมากกว่าโพลอื่นๆ ได้วิเคราะห์ในรายการ “เจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์” ของ คุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ทาง ช่อง 9 อสมท วันก่อนว่า ถ้าเอา “นิด้าโพล” เป็นตัวตั้ง โดยนิด้าโพลสุดท้าย 7 วันก่อนเลือกตั้ง 45% ระบุว่าเลือกนายชัชชาติ (สิทธิพันธุ์) หากคนเหล่านั้นออกมาใช้สิทธิเท่าเดิมแบบปี 2562 ราว 2.8 ล้านคน นายชัชชาติจะได้คะแนนราว 1.3 ล้านคะแนน

ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ มีการพูดถึง “คะแนนทางยุทธศาสตร์” หรือ “คะแนนบล็อกโหวต” แปลง่ายๆคือ “คะแนนเสียงจัดตั้ง” นั่นแหละ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีอยู่ในกรุงเทพมหานครแต่ก็ยังมีอยู่ รวมทั้งการ “ปลุกสารพัดผี” ขึ้นมาให้ตกใจกลัว “ไม่เลือกเราเขามาแน่” แต่ ดร.สติธร วิเคราะห์ว่า อาจได้รับการตอบรับ แต่ผลลัพธ์อาจไม่ได้อย่างที่คาด เที่ยวนี้ไม่ได้มีฝ่ายละคนแต่มีถึง 4 คน ถ้าแคมเปญนี้จุดติด ก็จะติดกันไปหลายเบอร์ คะแนนก็จะกระจายกันไป

...

คะแนนเสียงที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ก็คือ New Voters คะแนนเสียงของ “คนรุ่นใหม่” ที่เพิ่งจะ มีโอกาสออกเสียงเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในชีวิตเกือบ 700,000 คนใน กทม. ซึ่งมีสัดส่วน 16% ของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั้งหมดกว่า 4.4 ล้านคน

ผมอยากเห็นคนรุ่นใหม่เหล่านี้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันให้มากที่สุด ได้ 80-90% ยิ่งดี เพราะผู้ว่าฯ กทม.มีผลกระทบต่ออนาคตของคนรุ่นใหม่โดยตรง คะแนนเสียงเกือบ 7 แสนเสียง ถ้าออกมาใช้สิทธิกันเต็มที่ ผมเชื่อว่าจะเป็นคะแนนเสียงตัดสินที่สำคัญ ใครได้คะแนนเสียงของคนรุ่นใหม่ไป 5-6 แสนเสียง ชนะแน่นอน ถ้าคะแนนเสียงของผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ที่ 8-9 แสนเสียงจนถึง 1 ล้านเสียงขึ้นไปอย่างที่มีการประเมิน

ดร.สติธร วิเคราะห์ว่า คะแนนเสียงของ “New Voters” รอบนี้จะเอนเอียงไปทางนายวิโรจน์ (ลักขณาอดิศร-พรรคก้าวไกล) มากกว่านิดหน่อย แต่ไม่มีนัยสำคัญมากพอที่จะทำให้นายชัชชาติแพ้ แต่จะเป็นกลุ่มที่ทำให้สองคนนี้เบียดกันมากกว่าช่วงอายุอื่น

ผมในฐานะ 1 เสียงคนกรุงเทพฯ ถ้าถามผมว่า อยากได้ผู้ว่าฯ กทม.แบบไหน ผมตอบได้เลยว่า ผมอยากได้ผู้ว่าฯ กทม.ที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและทันสมัย ผมเบื่อสภาพแออัดของกรุงเทพฯ ที่ไร้ระเบียบและไม่มีการวางแผนที่ดีเช่นนี้เต็มที ผมอยากให้ “เปลี่ยนกรุงเทพฯ” เป็น เมืองใหม่ที่มีอนาคต เมืองที่มีผังเมืองทันสมัยชัดเจน แบ่งโซนที่อยู่อาศัยกับโซนธุรกิจออกจากกัน เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นเมืองสีเขียวที่มีสวนสาธารณะและอากาศบริสุทธิ์เพียงพอสำหรับการหายใจ ไม่ใช่ฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 เมืองที่มีการจัดการสิ่งแวดล้อมและขยะอย่างมีคุณภาพ ถนนตรอกซอยต้องสะอาด ชีวิตทรัพย์สินต้องปลอดภัย ฯลฯ

ผมคิดว่า มีผู้สมัครที่พอจะทำได้ แม้ไม่เต็มร้อยอย่างที่หวัง พรุ่งนี้จะไปเลือกครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”