ภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบ วอน เพื่อไทย ผลักดันแก้ร่างกฎกระทรวงสาธารณสุข กำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ เพื่อฟังความรอบด้าน ช่วยชาวไร่ยาสูบรักษาอาชีพ ในภาวะวิกฤติ เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนในขณะนี้  

วันที่ 19 พ.ค. 65 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร และโฆษกพรรคเพื่อไทย รับหนังสือจากตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย ยื่นเรื่องขอพรรคเพื่อไทยติดตามผลักดันให้มีการแก้ร่างกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยาสูบของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกำลังจะเข้าสู่วาระการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในเร็ววันนี้ว่า ร่างฯ ฉบับดังกล่าวจะทำให้อาชีพไร่ยาสูบกว่า 30,000 ครัวเรือนสูญสิ้นอาชีพ จะกระทบต่อทั้งการผลิตบุหรี่ของการยาสูบแห่งประเทศ และทำให้รายได้ของรัฐจากภาษีสรรพสามิตบุหรี่กว่าปีละ 60,000 ล้านบาทหายไปทั้งหมด จากความไม่สามารถแข่งขันของบุหรี่ในประเทศกับบุหรี่ต่างประเทศได้

ตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้จัดการรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) กฎกระทรวงกำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ และสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอลผลิตภัณฑ์ยาสูบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแจ้งและออกใบรับรอง และอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. …. เมื่อวันที่ 5-20 เมษายน 2564 โดยไม่เปิดโอกาสหรือเชิญให้ตัวแทนเกษตรกรชาวไร่ที่จะได้รับผลกระทบเข้าร่วมในการฟังความคิดเห็นด้วย ทำให้ร่างฯ ฉบับนี้สุดโต่งรุนแรง และที่ผ่านมาเกษตรกรชาวไร่ยาสูบได้รับผลกระทบจากมาตรการหลายด้านของรัฐมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาตรการปรับลดโควตาการปลูกยาสูบลงร้อยละ 50 เป็นเวลา 4 ปีติดต่อกัน โดยชาวไร่ยังไม่ได้รับเงินชดเชยของ 3 ปีที่ผ่านมา และการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ประกอบกับวิกฤติเศรษฐกิจ จึงทำให้ชาวไร่ยาสูบตอนนี้ประสบความเดือดร้อนมากพอแล้ว หากมีมาตรการที่ไม่ถี่ถ้วนเพียงพอออกมาซ้ำเติมอีก จะยิ่งทำให้ได้รับความเดือดร้อนจนไม่มีหนทางทำกินต่อไป

...

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า การยื่นหนังสือของภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบฯ ครั้งนี้ เพราะความกังวลว่าร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้จะทำให้ชาวไร่ต้องสิ้นอาชีพทำกิน โดยมีสาระสำคัญอยู่ที่ความต้องการผลักดันให้มีการแก้ไขร่างฯ ให้สามารถคงการใช้ส่วนประกอบหรือสารปรุงแต่งบางชนิดที่มีความจำเป็น เช่น เมนทอล และการอนุญาตให้มีการใช้สารประกอบ หรือสารปรุงแต่งที่จำเป็นเหมือนกับที่มีการอนุญาตให้ใช้และเป็นมาตรฐานสากล เช่นประเทศในสหภาพยุโรป ออสเตรเลีย อเมริกา เพื่อให้มีผลกระทบต่อชาวไร่ยาสูบอย่างรอบคอบที่สุด

“จำเป็นหรือไม่ที่ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในโลกที่ออกกฎหมายในลักษณะนี้ เพื่อให้ได้คำชมเชยจากนานาชาติโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรไทยอย่างถี่ถ้วน เรื่องนี้คือสิ่งที่ต้องเร่งทบทวน โดยข้อกังวลและข้อเสนอแนะจากการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน ควรถูกใช้ในการปรับปรุงร่างกฎกระทรวงให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงที่สุด” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว.