"วิโรจน์" ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ก้าวไกล เยือน "ศาลเจ้าแม่ทับทิม" ยกตัวอย่าง เป็นการพัฒนาพื้นที่ที่ล้มเหลว หวัง กทม.ถอดบทเรียน ชี้ พัฒนาเมืองต้องคำนึงถึงหัวใจ จิตวิญญาณชุมชน ไม่ใช่ สนองผลประโยชน์ทุนใหญ่อย่างเดียว
วันที่ 2 เม.ย. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยกลุ่มนิสิตจุฬาฯ พิทักษ์ศาลเจ้าแม่ทับทิม เดินทางไปยังศาลเจ้าแม่ทับทิม สะพานเหลือง ในเวลา 09.00 น. เพื่อพูดคุยสอบถามและรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาที่ดิน ซึ่งปัจจุบันมีการไล่ที่ประชาชนและพยายามย้ายศาลเจ้าแม่ทับทิมไปไว้ที่สถานที่ใหม่
บริบททางประวัติศาสตร์ของศาลเจ้าแม่ทับทิม สะพานเหลือง เป็นศาลเจ้าที่มีอายุยาวนานกว่าร้อยปี เกิดขึ้นในช่วง รัชกาลที่ 5 โดยชุมชนชาวจีนอพยพที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ สะท้อนให้เห็นถึงการดำรงอยู่อย่างร่วมสมัยผ่านกาลเวลา เมื่อมีการพัฒนาพื้นที่เป็นย่านธุรกิจ ทำให้ต้องมีการเคลื่อนย้ายศาลดั้งเดิม ที่มีคุณค่าด้านสถาปัตยกรรมและคุณค่าทางจิตใจ โดยในกรณีนี้ นายวิโรจน์ ให้ความเห็นกับผู้สื่อข่าวว่า การพัฒนาเมืองต้องคำนึงถึงหัวใจและจิตวิญญาณของชุมชนด้วย ไม่ใช่เพียงตอบสนองผลประโยชน์ของทุนใหญ่
...
นอกจากนี้ นิสิตจุฬาฯ กลุ่มพิทักษ์ศาลเจ้าแม่ทับทิม ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ผ่านมาการพัฒนาพื้นที่ตรงนี้ มีการพูดคุยกับชุมชนน้อยมาก อีกทั้งยังเป็นการพูดคุยในช่วงท้ายของการพัฒนาที่ดินเท่านั้น ซึ่งมีการไล่ที่ประชาชนไปแล้ว โดยประชาชนมีความต้องการอนุรักษ์ศาลเจ้าแม่ทับทิม ไว้บริเวณเดิม พร้อมอธิบายว่า ศาลใหม่ที่มีการสร้างขึ้นมาไม่มีความเกี่ยวข้องและยึดโยงกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน รวมทั้งสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นการก่อสร้างของช่างจีนโบราณก็สูญหายไปด้วย
นายวิโรจน์ ได้สรุปบทเรียนในครั้งนี้ว่า การพัฒนาที่ดินต้องไม่ละทิ้งรากเหง้าและบริบทของชุมชนและพื้นที่ โดยยกตัวอย่างบทเรียนการพัฒนาเมืองที่ล้มเหลวในอดีต เช่น ป้อมมหากาฬ ที่ปลายทางของการพัฒนากลายเป็นเพียงสนามหญ้าที่แทบไม่มีการใช้งาน และไม่ได้ยึดโยงกับประวัติศาสตร์และผู้คนเลย นายวิโรจน์เชื่อว่าในอนาคตการพัฒนาเมืองต้องคำนึงถึงผู้คน เน้นการพูดคุย และคำนึงถึงคุณค่าในอดีตที่จำเป็นต้องรักษาเอาไว้ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งในหลายเมืองทั่วประเทศ มีมากมายที่สามารถนำเอาสถาปัตยกรรม อาคารดั้งเดิม มาปรับปรุงพัฒนา โดยคงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และเรื่องเล่าของชุมชนเอาไว้ และก็เป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนได้ด้วยในขณะเดียวกัน