เพื่อไทย ซัด “บิ๊กตู่” ไม่สนใจชาวนาและเกษตรกร ห่วง ปุ๋ย อาหารสัตว์แพง น้ำมันแพง ค่าครองชีพสูง แนะ เร่งลดค่าใช้จ่าย และ ทำการตลาดสินค้าเกษตร หากทำไม่ได้ อย่าอยู่ในตำแหน่งเพียงเพื่อรักษาอำนาจอีกเลย

วันที่ 28 มี.ค. นายภาควัต ศรีสุรพล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ราคาน้ำมันได้กลับมาขึ้นราคาใหม่อยู่ที่ 120$ ต่อบาร์เรล หลังจากเกิดระเบิดในโรงกลั่นน้ำมันในประเทศซาอุดีอาระเบีย ซ้ำเติมปัญหาที่เกิดจากสงคราม รัสเซีย-ยูเครน ซึ่งจะทำให้ประชาชนต้องแบกรับค่าครองชีพที่จะสูงขึ้นอีกอย่างมากจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และภาวะเงินเฟ้อของโลกที่กระทบมาถึงไทยอย่างหนีไม่พ้น และผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากสุดคือผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวนาและเกษตรกร

สาเหตุที่ชาวนาและเกษตรกรได้รับผลกระทบหนัก มาจากราคาปุ๋ยและราคาอาหารสัตว์ที่เพิ่มสูงขึ้นมาก โดยหลายคนอาจจะไม่ทราบว่า ประเทศรัสเซียผลิตปุ๋ยปีละ 50 ล้านตัน หรือ ประมาณ 13% ของการส่งออกของโลก เมื่อเกิดสงคราม รัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาปุ๋ยเพิ่มขึ้น ราคาปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้นเกือบ 100% ราคาขายปลีกในท้องถิ่นจากตันละ 13,541 บาท เป็น 26,000 บาท หรือ ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 เพิ่มจากกระสอบละ 600 บาท พุ่งขึ้นเป็นกระสอบละ 1,360 บาท เป็นต้น นอกจากนี้ รัสเซียและยูเครน ส่งออกข้าวสาลีรวมกันประมาณ 29% ของโลก และ ส่งออกข้าวโพดรวมกัน 19% ของตลาดโลก สงคราม รัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาอาหารสัตว์แพงขึ้นแล้ว กว่า 40% ซึ่งเพิ่มภาระต้นทุนให้กับเกษตกรอย่างมาก

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ชาวนา และ เกษตรกร นอกจากจะต้องเผชิญกับราคาน้ำมันที่เป็นปัจจัยการผลิตที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังต้องเจอกับราคาปุ๋ยและราคาอาหารสัตว์ ที่ราคาเพิ่มสูงขึ้นมาก อีกทั้งค่าครองชีพที่สูงขึ้น จากข้าวของที่แพงขึ้น และ ภาวะเงินเฟ้อสูง แต่ราคาสินค้าเกษตรกลับไม่เพิ่มมากนัก ทั้งที่ควรจะราคาสินค้าเกษตรควรจะขายได้ในราคาเพิ่มมากกว่านี้ ตัวอย่างเช่น ราคาข้าว ควรขายได้ราคาสูงกว่านี้ในเมื่อข้าวสาลีขาดแคลนจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน หรือ ราคายางพาราควรมีราคาสูงกว่านี้ จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมากทำให้ราคายางสังเคราะห์ต้องราคาสูงขึ้นไปด้วย ในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ราคาน้ำมันแพงประมาณนี้ ราคายางพาราอยู่ที่สูงกว่า 100 บาท/กก. แล้ว หรือ ราคาอ้อยควรต้องสูงกว่านี้ เมื่อราคาเอทานอลแพงขึ้นจากราคานำ้มันที่แพงขึ้น เป็นต้น ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จะต้องเข้าไปดูแลและช่วยเหลือชาวนาและเกษตรกร ทั้งทางด้านต้นทุนการผลิตเพื่อลดภาระ และทำการตลาดเพื่อให้ขายสินค้าเกษตรได้ในราคาที่สูงขึ้น

...

"ตลอด 8 ปี หลังจากที่มีการปฏิวัติและโจมตีเรื่องจำนำข้าวแล้ว พลเอกประยุทธ์ แทบจะไม่ได้เหลียวแลชาวนาและเกษตรกรเลย มีเฉพาะก่อนเลือกตั้งเท่านั้น ที่ลงมาช่วยเล็กน้อยเพื่อหาคะแนนเสียง พร้อมทั้ง พรรคพลังประชารัฐ ออกนโยบายหาเสียง เช่น ราคาข้าวเจ้า 12,000 บาท/ตัน ราคาข้าวหอมมะลิ 18,000 บาท/ตัน และอีกหลายนโยบาย แต่ไม่ได้ทำเลย มาถึงปัจจุบันที่ชาวนาและเกษตรกร เดือดร้อนกันอย่างมาก จากหนี้สินที่ล้นพ้นตัวจากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำมาเป็นเวลานาน แล้วยังมาเจอกับภาวะปุ๋ยแพง อาหารสัตว์แพง น้ำมันแพง ข้าวของแพง ซ้ำเติมอีก ทุกข์ของชาวนา คือ ทุกข์ของแผ่นดิน ซึ่งหากพลเอกประยุทธ์ ไม่เข้าใจและไม่ช่วยเหลือชาวนาและเกษตรกร ก็อย่าอยู่ในตำแหน่งเพียงเพื่อรักษาอำนาจอีกเลย น่าจะต้องให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้าไปบริหารแทนได้แล้ว เหมือนทุกโพลสำรวจที่อยากให้เปลี่ยนผู้นำโดยเร็ว