"อนุทิน" เปิดโครงการ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในผู้สูงอายุ ต้อนรับลูกหลานกลับบ้านช่วงสงกรานต์ ได้อย่างปลอดภัย ช่วงสัปดาห์รณรงค์ 21-31 มี.ค. พร้อมแนะให้ลูกหลาน Clean Up ตัวเอง 1 สัปดาห์ ก่อนกลับ

วันที่ 15 มี.ค. ที่ศูนย์ชุมชนโครงการบ้านเอื้ออาทร นนทบุรี (วัดกู้ 2) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร ร่วมเปิดกิจกรรมโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในผู้สูงอายุ เพื่อต้อนรับลูกหลานกลับบ้านอย่างปลอดภัย “Save 608 by Booster” และกล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ปี 2565 นี้ แม้ประเทศไทย จะมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วกว่า 130 ล้านเข็ม แต่ยังมีกลุ่มผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวจำนวนหนึ่ง ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือยังไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้นตามกำหนด ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อและอาการหนักถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่จะมีลูกหลานเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก กระทรวงสาธารณสุข จึงจัดโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในผู้สูงอายุ เพื่อต้อนรับลูกหลานกลับบ้านอย่างปลอดภัย “Save 608 by Booster” เพื่อเร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เนื่องจากผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป มีอัตราเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 สูงถึง 7.5% แต่หากได้รับการฉีดวัคซีนจะช่วยลดการป่วยหนักหากติดเชื้อ และลดอัตราการเสียชีวิตได้ถึง 41 เท่า

...

โดยหลังจากนี้ ทุกพื้นที่จะดำเนินการตามโครงการฯ อย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์รณรงค์ระหว่างวันที่ 21-31 มีนาคม 2565 ส่วนลูกหลานที่จะเดินทางกลับบ้านช่วงสงกรานต์ ขอให้ Self clean up ตัวเองให้ปลอดจากเชื้อโควิด-19 ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนเดินทาง โดยหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่างๆ เช่น การรวมกลุ่มกินเลี้ยงสังสรรค์ พบปะผู้คนจำนวนมาก การเข้าไปยังสถานที่แออัดต่างๆ และตรวจ ATK คัดกรองตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงนำเชื้อกลับไปแพร่ให้ผู้สูงอายุที่บ้าน

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดกิจกรรมที่ศูนย์ชุมชนโครงการบ้านเอื้ออาทร นนทบุรี (วัดกู้ 2) ครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นและเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่อื่นๆ นำไปปรับใช้ โดยในวันนี้มีผู้สูงอายุเข้ารับการฉีดวัคซีน 93 คน และยังให้บริการกับประชาชนในชุมชนฯ ที่ต้องการฉีดวัคซีนทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้นด้วย ส่วนผู้ที่ยังลังเลไม่ยอมฉีด ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกเคาะประตูบ้านสร้างความเข้าใจและชักชวนมาฉีดวัคซีน รวมทั้งจัดทีมออกฉีดวัคซีนถึงห้องพักในกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง และผู้สูงอายุติดบ้าน ซึ่งจากที่มีการฉีดวัคซีนไปแล้วจำนวนมากพบว่ามีความปลอดภัยจึงขอให้ประชาชนมั่นใจและมารับวัคซีนกันให้มากขึ้น เพื่อให้ทุกคนมีเกราะป้องกันจากโรคโควิด-19