ปรมาจารย์นิเทศศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สอนผมไว้ตั้งแต่ 50 กว่าปีก่อนว่า “สื่อสารมวลชนคือกระจกสะท้อนสังคม” ยุคใดสังคมเป็นอย่างไร รุ่งเรืองหรือเสื่อมโทรมก็สะท้อนออกมาทางสื่อ เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่ลบไม่ได้ สังคมไทยยุคนี้เป็นอย่างไรก็ได้เห็นกันแล้ว สื่อทุกแขนง ให้ความสำคัญสูงสุดกับ “ข่าวแตงโม” มากกว่า ข่าววิกฤติเศรษฐกิจปากท้องประชาชน การแย่งชิงอำนาจทางการเมืองของคนไม่กี่คน เพื่อปกครองทรัพย์สินของคนไทยทั้งประเทศ 66 ล้านคน นี่คือ ความเสื่อมของสังคมไทยในปัจจุบันที่สะท้อนจากสื่อ

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้อ่านเฟซบุ๊กของ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีต รมว.อุดมศึกษาฯ ที่วิเคราะห์ถึง อนาคตประเทศไทย ได้อย่างน่าสนใจ ผมจึงขออนุญาตนำมาแชร์สู่กันอ่านตรงนี้

“ประเทศไทยกำลังเผชิญกับ “ทศวรรษแห่งความสูญเปล่า” (10 ปีที่สูญเปล่า) หรือ Thailand’ s Lost Decade สะท้อนผ่าน 1.อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ตํ่า 2.ขีดความสามารถในการแข่งขันถดถอย 3.การเผชิญกับวิกฤติซ้ำซากอยู่ตลอดเวลา 4.ช่องว่างความเหลื่อมล้ำที่ถ่างมากขึ้น 5.ความขัดแย้งที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น

สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเพราะสังคมไทยมีความบกพร่องในธรรมาภิบาลทั้งระบบ (System of Governance) เมื่อสังคม ขาดซึ่งการเป็น Clean & Clear Society (สังคมที่สะอาดและโปร่งใส) Free & Fair Society (สังคมที่เสรีและยุติธรรม) จึงไม่เกิดขึ้น การขาดซึ่ง Clean & Clear และ Free & Fair ส่งผลทำให้ Care & Share Society (สังคมแห่งความอาทรและแบ่งปัน) ไม่เกิดขึ้น (หมายเหตุ-ภาษาไทยในวงเล็บผมแปลเอาเองครับ)”

...

ดร.สุวิทย์ บอกว่า เขาได้ทำการ สำรวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงในภาครัฐและเอกชน 40 ท่าน ในคำถามว่า “ท่านคิดว่าอนาคตประเทศไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า จะไปในทิศทางใด ระหว่างอนาคตที่มืดมน (Bleak Future) กับอนาคตที่สดใส (Brighter Future) ผลโหวตออกมาดังนี้ 63% เห็นว่าอนาคตมืดมนหรือค่อนข้างมืดมน 23% เห็นว่าอนาคตไม่แตกต่างจากสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน มีเพียง 9% ที่เห็นว่าอนาคตค่อนข้างสดใส”

เมื่อถามต่อไปว่า “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ว่าสังคมไทยเป็น Clean & Clear Society” ผลโหวตออกมาดังนี้ 92% ไม่เห็นด้วยหรือค่อนข้างไม่เห็นด้วย มีเพียง 3% ที่เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าสังคมไทยเป็น Clean & Clear Society

เมื่อถามต่อไปว่า “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ว่า สังคมไทยเป็น Free & Fair Society” ผลโหวตออกมาว่า 94% ไม่เห็นด้วยหรือค่อนข้างไม่เห็นด้วย มีเพียง 5% ที่ค่อนข้างเห็นด้วยว่าสังคมไทยเป็น Free & Fair Society

เมื่อถามต่อไปอีกว่า “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ว่าสังคมไทยเป็น Care & Share Society” ผลโหวตออกมาดังนี้ 61% ไม่เห็นด้วยหรือค่อนข้างไม่เห็นด้วย มีเพียง 15% ที่ค่อนข้างเห็นด้วยว่าสังคมไทยเป็น Care & Share Society

ดร.สุวิทย์ ระบุว่า “ภายใต้พลวัตโลกที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง วิกฤติ และภัยคุกคาม การขาดซึ่ง Clean & Clear, Free & Fair และ Care & Share ในสังคมไทยปัจจุบัน ส่งผลทำให้ผู้คนส่วนใหญ่คาดว่าจะต้องเผชิญกับ “อนาคตที่มืดมน” อย่างน้อยในอีก 5 ปี จากนี้ไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากต้องการเปลี่ยน “อนาคตที่มืดมน” เป็น “อนาคตที่สดใส” ก็ต้องช่วยกัน เปลี่ยนสังคมไทยไปสู่ Clean & Clear, Free & Fair และ Care & Share ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราจะต้องเปลี่ยนขนานใหญ่ที่เรียกว่า The Second Great Reform ต่อจาก The First Great Reform ที่ทำสำเร็จมาแล้วในสมัย รัชกาลที่ 5”

ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอ The Second Great Reform ของ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์

ผมว่าถึงเวลาแล้วที่ คนไทยจะต้องกล้าลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง ก่อนที่อนาคตคนไทย 66 ล้านคนจะมืดมนมากไปกว่านี้ ไม่กล้า วันนี้ก็ไม่มีโอกาสวันข้างหน้าอีกแล้ว.

“ลม เปลี่ยนทิศ”