จะมีอะไรในกอไผ่หรือไม่ กับโผโยกย้ายนายทหารกลางปี ช่วงเดือน เม.ย.นี้ วันก่อน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลกลางปี

ที่มี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. และ พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ. อยู่กันพร้อมหน้า

ถกโผทหารกลางปีรอบสุดท้าย ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย

ที่ต้องจับตาคือคลื่นใต้น้ำในกองทัพเรือ ที่ผู้สื่อข่าวสายทหารรายงานว่า อาจมีคลื่นลมแปรปรวน หลังมีกระแสข่าวว่า “บิ๊กเฒ่า” พล.ร.อ.สมประสงค์ ผบ.ทร. จะเสนอย้ายสลับข้ามห้วย

ดึง “บิ๊กจอร์จ” พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ รอง เสธ.ทหาร บก.กองทัพไทย กลับเหล่ามานั่งในตำแหน่ง 5 เสือ ทร. เป็นผู้ช่วย ผบ.ทร. และส่ง พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผช.ผบ.ทร. ไปเป็นรอง เสธ.ทหาร แทน

ถ้าเป็นไปตามโผนี้ ก็เท่ากับ “บิ๊กเฒ่า” พล.ร.อ.สมประสงค์ เปิดศึกแตกหักกับ “บิ๊กลือ” พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร. เพื่อเอาคืนหลังเคยถูกเตะโด่งมาก่อนหน้านี้

เพราะรู้กันดีว่า พล.ร.อ.สุทธินันท์ เป็นสายของ “บิ๊กลือ” ที่ส่งมาเป็น แคนดิเดตชิงเก้าอี้ ผบ.ทร. คนต่อไป หากโดนเด้งพ้นเหล่าไปจริง ก็เท่ากับ เป็นการล้างบางสาย “บิ๊กลือ” ตัดคู่ชิงดำไปอีกคน

ก่อนหน้านี้กองทัพเรือถือว่าเป็นเหล่าทัพที่คลื่นลมสงบมากที่สุด การโยกย้ายนายทหารเป็นไปตามธรรมเนียมของ “ลูกประดู่” ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกับใครเขา

...

มีไม่กี่ปีหลังมานี่ ที่ดูคลื่นลมจะแปรปรวน แบ่งพรรคแยกพวกกันชัดเจน เหมือนกองทัพอากาศในอดีต จนลูกทัพฟ้าแตกเป็นเสี่ยง แบ่งข้างถือหางนาย

ก็ต้องรอดูว่า “บิ๊กตู่” ผู้มีอำนาจสูงสุดจะเอายังไง

ไม่รู้เป็นไงช่วงหลังๆมานี้ ทร.กลายเป็นตำบลกระสุนตก จากปัญหาหลายเรื่อง ทั้งพฤติกรรมส่วนตัวของนายทหารบางคน ที่ทำให้เสื่อมเสียมาถึงกองทัพ

อีกระเบิดลูกใหญ่ที่กำลังลงกองทัพเรือ คือการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีน ที่ถูก “โจ้” ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าเพื่อไทย งัดข้อมูลมาไล่ถล่มว่า “ซื้อเรือดำน้ำทิพย์” ที่ไม่มีเครื่องยนต์

โดยเฉพาะกับปมปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานดีเซล MTU 396 ที่ทางเยอรมนีไม่ออกใบอนุญาตขายเครื่องรุ่นนี้ให้กับจีน

จนกลายเป็นเรื่องคาราคาซัง ที่ทางจีนต้องขอเลื่อนการส่งมอบเรือดำน้ำลำแรกให้กับไทย ด้วยข้ออ้างจากผลกระทบโควิด

แม้ พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เสธ.ทร. ประธานคณะกรรมการโครงการจัดหาเรือดำน้ำ จะยืนยันว่าสเปกเครื่องต้องแบบเดียวกับ MTU 396 แต่ก็ยังไม่มีใครให้ความมั่นใจได้ว่าโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนนี้ จะถูกล้มกระดานไปหรือไม่

กองทัพเรือยืนยันยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติมาตลอดว่า ไทยต้องมีเรือดำน้ำอย่างน้อย 3 ลำ วงเงินรวม 44,222 ล้านบาท หรือตกลำละ 12,424 ล้านบาท เพื่อปกป้องอธิปไตยในน่านน้ำของไทย

นี่แค่ลำแรก ก็เจอตอร์ปิโดลูกเบ้อเร่อเข้าแล้ว

อย่างนี้ จะให้ประชาชนมั่นใจความโปร่งใสในการจัดซื้อได้อย่างไร.

เพลิงสุริยะ