ที่ประชุมวุฒิสภา (ส.ว.) ลงมติ เอกฉันท์ อนุมัติ พ.ร.ก.ควบคุมสารต้องห้ามทางกีฬา ขณะผู้ว่าการ กกท.เชื่อ ไทย พ้นแบนจาก "วาดา" ทุกข้อหา ใน ก.พ.นี้ 


เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานที่ประชุม ได้พิจารณาและอนุมัติ ด้วยเสียงเอกฉันท์ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.2564 สำหรับ พ.ร.ก.แก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมการใช้สารต้องห้ามฯ นั้น มี ส.ว. ได้อภิปรายเสนอแนะต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รวมถึงการเขียนเนื้อหาที่อาจมีผลในทางปฏิบัติของประเทศ ต่อการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิบัติตามกฎของ องค์การต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (วาดา)

โดย พล.อ.ต.นพ.เฉลิมชัย เครืองาม ส.ว. อภิปรายว่า สำหรับการกำหนดคำนิยาม ในประเด็นบุคคลซึ่งสนับสนุนการกีฬา ที่เพิ่มให้รวมถึงบิดาหรือมารดาของนักกีฬา หรือบุคคลอื่นที่ให้การรักษาให้ความช่วยเหลือหรือทำงานร่วมกับนักกีฬาที่ร่วมการแข่งขันกีฬา ตนมองว่าบิดาหรือมารดานั้น อาจไม่เกี่ยวข้อง และอาจมีผลได้ กรณีที่บิดาหรือมารดาของนักกีฬาที่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งใช้ยาลดความดัน ที่เป็นหนึ่งในยาที่ประกาศห้ามใช้ เพราะถือเป็นสารต้องห้าม ที่จะมีผลต่อการลดความตื่นเต้น หรือการสูบฉีดเลือดของนักกีฬาที่ต้องใช้สมาธิ เช่น สนุกเกอร์ ดังนั้นหากบทบัญญัติดังกล่าวเขียนครอบคลุมไปถึงบิดามารดาที่ทางการไทยไปเติมเองนั้นไม่เหมาะสม
รวมทั้งการกำหนดให้มีสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา เป็นหน่วยงานในการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) อาจมีปัญหาความเป็นอิสระในการทำหน้าที่และไม่ตรงกับกฎของวาดา

ทั้งนี้ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ชี้แจงกรณีความเป็นอิสระขององค์กรควบคุมสารต้องห้าม ว่า บอร์ดของกกท. ไม่สามารถแทรกแซงในเชิงปฏิบัติได้ และการใช้อำนาจนั้น ไม่สามารถใช้ได้ตามอำเภอใจ ต้องอยู่ในกรอบและระเบียบสากลของวาดา ทั้งนี้วาดา ไม่ได้ระบุถึงการแยกเป็นองค์กรอิสระ แต่หากวาดามีข้อสังเกตเพิ่มเติม โดยจะพิจารณาอีกครั้งในเวทีสากลของวาดา ที่จะจัดในปี 2565 นี้

...

“กรรมการอิสระ จะเสนอเรื่องเวียนไปยังบอร์ดบริหารวาดาพิจารณา และวันสุดท้ายที่จะเวียน คือ 2 กุมภาพันธ์ และหากบอร์ดบริหารของวาดา เห็นสอดคล้องกับกรรมการอิสระ ประเทศไทย จะถูกปลดออกจากบัญชีรายชื่อที่ไม่ปฏิบัติตามกฎของวาดา และโทษทั้ง 4 ข้อ จะยกให้ประเทศไทยทั้งหมด ส่วนคำนิยามนั้นเป็นไปตามกฎของวาดา” ดร.ก้องศักด กล่าว