สถานการณ์การเมืองไทยเหล้าเก่าในขวดใหม่ ที่สั่นคลอนอำนาจผู้นำและเป็นที่ขัดขวางความเจริญของประเทศ ไม่ต้องไปอารัมภบทอะไรกันมาก ตรงไปตรงมา เกิดจากที่มาของรัฐบาลชุดนี้ ไม่ได้เป็นแกนนำเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล ทำทุกอย่างจนเป็น รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ใช้วิธีซื้อเสียง ส.ส.แก้ปัญหาเฉพาะกิจ จึงเป็นรัฐบาลที่ไม่มั่นคงและยั่งยืน มีการต่อรองเพื่อรักษาอำนาจ จนกระทั่งเกิดผลเสียหายต่อการบริหารประเทศอย่างชัดเจน

การขึ้นมาสู่อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้เกิดจากอำนาจเสียงข้างมาก การเกิดของพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ต่างจากพรรคการเมืองทั่วๆไป เป็นการเมืองแบบเหล้าเก่าในขวดใหม่ เป็นการสมประโยชน์ ของอำนาจและกลุ่มการเมือง เพราะฉะนั้น ถ้าผลประโยชน์ขัดกันก็บรรลัย

พรรคแกนนำรัฐบาลไม่ได้คุมกระทรวงเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ไม่ได้ตำแหน่งประธานสภา แค่คิดก็ผิดแล้ว วันนี้บทเรียนจากการเป็นพรรคการเมืองแบบสัดส่วนผสม จำนวน 10-20 พรรค ทำให้บริหารจัดการได้ยาก

การเมืองที่ถูลู่ถูกังกันมาได้จนถึงวันนี้ ถือว่าไม่ธรรมดา จนกระทั่งมีวิกฤติการเมืองในสภา ที่เกิดความหวาดระแวงว่าจะมีการ โค่นอำนาจนายกฯ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพลังประชารัฐในขณะนั้น ตกเป็นเป้าในการเคลื่อนไหว จนในที่สุด เกมมาจบที่ ร.อ.ธรรมนัส ถูกปลดจาก รมช.เกษตรฯ และ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ถูกปลดจาก รมช.แรงงาน ชนิดสายฟ้าแลบ

ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส และ นฤมล ถือว่าเป็นมือขวาเป็นสายตรงของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ท่ามกลางข้อกังขา ต่อการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าวันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ใจกว้าง จบเป็นจบ ก็คงไม่มีวันนี้ และถ้าวันนั้น เสียง ส.ส.ในสภา แค่ 27 เสียง ลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ ในสภา วันนี้การเมืองจะเปลี่ยนไปแค่ไหนอย่างไร ขั้วอำนาจทางการเมืองจะเป็นอย่างไร

...

แต่อย่างน้อยชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส จะกลายเป็น บุคคลทางการเมืองแห่งปี ทันที อาจมีฝ่ายประชาธิปไตย ยกให้ ร.อ.ธรรมนัส เป็นฮีโร่ด้วยซ้ำไป

เมื่อเหตุการณ์มาถึงจุดนี้อีกครั้ง เมื่อ 21 ส.ส.ที่ถูกขับออกไปกับ ร.อ.ธรรมนัส ไม่จบแค่นี้ จำนวน ส.ส.ของ พลังประชารัฐ จำนวน 116 คน เป็นหน่วยกล้าตายนำโดย ร.อ.ธรรมนัส 21 คน ยังมีเชื้ออยู่ในพลังประชารัฐไม่ต่ำกว่า 10 คน และยังอยู่ภายใต้การนำโดยตรงของ หัวหน้าพรรค อีกเกือบ 50 คน เพราะฉะนั้นสายตรงที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ในพลังประชารัฐ เหลือไม่ถึง 40 คน

ในสถานการณ์ฉุกเฉินของการเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำหรือรัฐบาลเสียงข้างน้อย คือลาออกหรือยุบสภา ประเด็นการลาออกตัดไปได้เลย เหลือแค่ยุบสภา หรือมีการเล่นเกมการเมืองบนถนน เพื่อเรียกร้องให้ทหารออกมายึดอำนาจ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบไทยก็มีทางลงอยู่แค่นี้

หมากเกมนี้ถือว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้เปรียบ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด ถ้าไม่รับพรรคใหม่ของ ร.อ.ธรรมนัส เข้าเป็น พรรคร่วม ก็ลำบาก การต่อรองจาก พรรคร่วมรัฐบาล ทั้ง ประชาธิปัตย์ กับ ภูมิใจไทย คงหนักข้อขึ้น และถ้าจะรับพรรคใหม่เข้าร่วมรัฐบาลก็ต้องให้โควตา รัฐมนตรี ตามธรรมเนียมจะเชิญเข้าร่วมมือเปล่าๆคงไม่ได้

นี่คือจุดจบของการเมืองที่มีความดันทุรังสูง.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th