"สิรภพ" ผอ.พรรคภูมิใจไทย นำทีม ส.ส.ชายแดนใต้ และทีมว่าที่ผู้สมัคร 3 จังหวัดชายแดนใต้ แนะนำตัวและตอบคำถามสื่อในปัตตานี ย้ำ ภูมิใจไทย หวังได้ ส.ส.ทุกเขตในพื้นที่ปลายด้ามขวาน

วันที่ 17 ม.ค. 65 ที่ปัตตานี พรรคภูมิใจไทย นำโดย นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้อำนวยการพรรคภูมิใจไทย และที่ปรึกษารมว.การท่องเที่ยวและกีฬา จัดเต็มนำทีม ส.ส.พื้นที่ชายแดนใต้ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทุกเขต พบปะ เปิดใจกับสื่อมวลชนใน จ.ปัตตานี เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ร้านคอฟฟี่แอนด์มีตติ้งพอยท์ อ.เมือง จ.ปัตตานี เน้นทุกคนในภูมิใจไทยมีที่ยืนทางการเมือง

ถามว่า ภูมิใจไทยในพื้นที่ชายแดนใต้เป็นอย่างไรบ้าง

นายสิรภพ กล่าวต่อว่า หลายพรรคในกรุงเทพฯ ถามว่า ทำไมต้องไปจับมือพรรคโน้นพรรคนี้ ผมบอกว่าที่นี่เป็นอย่างนี้แหละ ธรรมชาติของบ้านเราคือรู้จักกันหมด รู้จักกับพี่นัจมุดดีนมานานมากแล้ว เคยอยู่ด้วยกันที่ไทยรักไทย แล้วแยกกัน กลับมาเจอกัน เสน่ห์ของบ้านเราคือ แข่งกันในเวทีการเมืองเต็มที่ หลังเลิกก็กินน้ำชากาแฟกันได้ตลอด คนบ้านเดียวพี่น้องกัน ที่นี่เอาหัวใจมาก็พอ เราพยายามผลักดันเรื่องโควิดมาก ไปงอแงกับภาครัฐตั้งแต่วัคซีนยังไม่ค่อยมี จนมี มีแล้วต้องมียี่ห้ออีก หลายฝ่ายได้ร่วมกัน คุณหมอเพชรดาวก็เป็นคนแรกที่รวมกับทุกพรรคการเมือง ผลักดันในสถานการณ์โควิด รอบแรก ส.ส.อับดุลบาซิ ก็ผลักดันเรื่องโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดขึ้นในสามจังหวัด

มองเรื่องเสียงกระเพื่อมและเสียงกระทบกระทั่งในโซเชียลมีเดียในการถูกโจมตีอย่างไร

ผอ.พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การทำงานของพวกผมคือให้เกียรติและเคารพกัน จะสู้ให้ตายกันยังไง ไปกินข้าวแกงแถวจะบังติกอดก็เจอกันอีก ไปนั่งร้านไหนก็เจอกัน โกรธกันไม่ได้หรอก ต้องคุยกัน เพียงแต่เราต้องมีมาตรฐานของพวกเราก่อนว่าต้องเคารพ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราเจอ ส.ส.ต่างพรรคกันประจำ คุยกันปกติ แต่กองเชียร์อาจมีอารมณ์ร่วมเช่นในโชเชียล เรื่องโน่นนี่ คนไหนที่คุยได้ผมจะยกหูไปหาเลย สื่อสารโดยการอธิบายจะเข้าใจกันกว่าวิธีอื่น ไม่ดำเนินคดี มันเสียเวลา ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำเช่นนั้นเพราะอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์จากการรับข้อมูลมาไม่เต็มที่

...

ในทางการเมืองถ้าอธิบายกันมันจบ มันง่าย ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนหรือรำคาญเมื่อเจอโลกโซเชียล ถ้าเราคิดว่าอธิบาย สื่อสารได้ก็ไม่ต้องกังวล คิดในมมุมกลับในโลกโซเชียลที่ถล่ม ส่วนใหญ่จะถล่มภูมิใจไทยเป็นหลัก ล่าสุดเจอเลขาพรรคประชาชาติที่เกาะสมุย ยังแซวว่าไม่เคยเหน็บพรรคอื่นเลยนะเนี่ยในสามจังหวัด เรามี ส.ส.เขตเพียงคนเดียว และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อีกคนในพื้นที่


ถามว่า ตอนนี้ได้คนสมัครครบหรือยัง วางตัวว่าที่ผู้สมัครไปถึงไหน

ผอ.ภูมิใจไทย กล่าวอีกว่า มีคนอยากทำงานร่วมกับทางเราเยอะมาก แต่ทุกคนได้ลองที่จะต้องทำ ต้องได้ตัวเลือกที่ดีและแข็งแรงที่สุด แต่ทุกคนที่ทำงานในพรรคนี้มีที่ยืนหมด สามารถทำงานได้ บางคนอาจไม่ได้เป็น ส.ส. แต่เป็นเลขารัฐมนตรีก็มีที่นราธิวาส เราพยายามดูแลคนการเมืองของเราให้ทำงานในศักยภาพที่เขามี

ในภาพรวมประมาณปลายเดือนมกราคมนี้จะนิ่งแล้ว สามารถประกาศรายชื่อทั้งหมดคือผู้สมัครในขณะนี้ ปัตตานี เขต 1 พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา เขต 2 อับดุลบาซิม อาบู เขต 3 อับดุลกอฮา อาแวปูเต๊ะ เขต 4 บูรฮันธ์ สาเม๊าะ ยะลา เขต 1 เกษมสันต์ สาแม เขต 2 ดร.อับดุลฮาฟิซ หิเล นราธิวาส เขต 1 สมบูรณ์ จิตรเพ็ญ เขต 3 นัจมุดดีน อูมา เขต 4 สุกรี มะเต๊ะ (คนเดิม) เขต 5 น.ท.สุกรี ศรีริกานนท์

“เราอยากได้ที่นั่ง ส.ส.ภูมิใจไทยทุกเขตในสามจังหวัดชายแดนใต้”
 

ต้องบอกตรงๆ ว่า เรารู้จักกันมานาน กับ ดร.ฮาฟิช ไปเจอกันที่ร้านกาแฟ ผมรู้ว่าเราอยากถามอะไรบ้าง ซื้อมาเท่าไรวะ ทุกคนอยากถามอย่างนี้ทั้งนั้น ผมเจอคำถามนี้มา ผมบอกว่าไม่ใช่ ถ้าครอบครัวผัวเมียอยู่ด้วยกัน วันที่หย่ากัน มันไม่ได้มีปัจจัยเรื่องเงินนะ มีปัจจัยเรื่องอื่นด้วย การเคารพกัน การให้เกียรติกัน ไม่ใช่มันไม่มีตังค์ให้เรา เลิกดีกว่า นี่ผมพูดในมุมมองผมนะ ไม่ได้ไปก้าวล่วงใคร ถามข้อมูลจากตัวเขาเองได้


นโยบายพรรคจะแก้ปัญหาอะไรก่อนในสามจังหวัดชายแดนใต้

ผอ.ภูมิใจไทย กล่าวว่า  ปัญหาพื้นฐานบ้านเราที่พยายามผลักดันตั้งแต่คราวที่แล้ว แต่ว่ากลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษสำหรับบ้านเรา ซึ่งพิมพ์เขียวตัวนี้ วันนี้ก็ยังอยู่ เราพยายามผลักดันตลอด จัดเวทีสัมมนา เสวนา สรุปมาเยอะมากแล้ว แต่พอการร่วมรัฐบาลเรามีเสียงแค่นี่ ข้อจำกัดในการจัดตั้งรัฐบบาลเยอะ แต่เที่ยวนี้เราจนต้องเอาตัวนี้มาใช้ให้ได้ เพราะเราต้องผลักดันให้ได้ อันนี้เป็นเรื่องใหญ่ ผมว่าปัญหาปากท้องเป็นเรื่องใหญ่ของบ้านเรา ส่วนเรื่องอื่นที่เราพยามผลักดัน โชคดีที่ผมเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาด้วย บ้านเรามีความเป็นอัตลักษณ์สูง ผลไม้ ภูเขา ทะเล เรามีหมด ปัญหาคือคนไม่มาเที่ยว ถ้าเราดันเต็มที่ รายได้ที่จะเข้ามาบ้านเราเยอะ เรื่องกีฬาบ้านเราที่หนึ่งเรื่องมวย ฟุตบอล แหล่งท่องเที่ยวก็ไม่ได้เป็นรองใคร

สิ่งที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคือ เราจะมีเทรลที่เบตง คือเทรลของ UTNB ที่เป็นเหมือนโอลิมปิกของวิ่งเทรล เราเป็น World Series ของดอยอินทนนท์ เราผลักดันให้เกิดขึ้นได้ที่นี่ เอาตัวแทนของ UTNB มาลงสำรวจพื้นที่และเส้นทาง 2-3 รอบแล้ว จับมือกับทาง ศอ.บต.ด้วย ฝรั่งที่มาบอกว่าที่นี่ต้อง เรียกว่า Amesian Jangle Trail นี่คืออเมซอนของอาเซียนเลย มีความดิบอยู่มาก น่าจะจัดวันที่ 7-8 พ.ค. เดิมเราจะวิ่งเข้าไปในมาเลย์ด้วย ไป 10 กม. ออกมา 10 กม. เพื่อจะได้ชื่อว่าวิ่งสองประเทศ แต่ด่านไม่เปิดเลยเข้าไปสำรวจไม่ได้ มีเวลาแค่สิ้นเดือนนี้ ถ้าด่านเปิดเราก็สำรวจได้

ส่วนสนามบินเบตงค่อนข้างสมบูรณ์แล้วว่าบินได้ คงจะไม่ใช่เครื่องใหญ่ รองรับการแข่งขันนี้ เพราะการวิ่งเทรลระดับนี้เป็นเทรลที่มีนักวิ่งต่างชาติมา ล่าสุดนักวิ่งที่ได้แชมป์ทั้งหญิงและชายจากเทรลดอยอินทนนท์ เขามาวิ่งสำรวจเส้นทางให้ที่นี่ เขารับ 20 คนวิ่งกับเขา ปัญหาคือคนไทยบอกว่า ทากเยอะมาก แต่เขาเฉยๆ เราได้ทำงานร่วมกับน้องๆ ในพื้นที่ที่จัดบาลาเทรล อะไรก็ตามที่มาจัดกิจกรรมในบ้านเรา ขอให้ใช้คนบ้านเราเพราะมีทักษะและศักยภาพสูงมากในหลายๆ เรื่อง เด็กเวลาเดินไปกรีดยาง เก็บขี้ยาง พวกเขาไปฝึกแปปเดียววิ่งเทรลได้เลยนะ เพราะความเคยชิน

เรื่องฟุตบอลบ้านเรามีนักเตะดังๆ หลายคน หรืออย่างงานฉ่ำ ที่สายบุรีที่คนพูดถึงกันเยอะ ผมยังนึกไม่ถึงว่าคนบ้านเราก็ทำได้ คนรุ่นใหม่จะเก่ง หลักคิดของพวกผมในการทำงานคือ เราไม่ไปวางกรอบให้เขนว่าต้อง 1 2 3 อย่างนี้นะ คิดมาเลย เรามีหน้าที่สนับสนุนเจา เขาต้องคิดในสิ่งที่ดีที่สุดแน่นอนให้กับบ้านเขา นี่คือหลักพื้นฐานของมนุษย์ เมื่อจะทำอะไรเพื่อบ้านตัวเองต้องทำด้านดีไว้ตลอด
เรื่องกัญชาขยับไปยังไงบ้าง

คนที่กำกับดูแลเรื่องกระท่อมคือ รมว.ยุติธรรม ท่านสมศักดิ์ ไม่เกี่ยวกับผม เราไปเรื่องกัญชาทางการแพทย์เพียงอย่างเดียว ไปไกลแล้ว เรื่องการแพทย์ อภัยภูเบศร์ก็รันอยู่แล้ว ปัตตานีก็มีคลินิกกัญชาที่ รพ.ยุพราชสายบุรี เมื่อเรามาอธิบายทางการแพทย์คือสมัยก่อนกัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ไทยส่งออกไปอเมริกา มีตราครุฑเรียบร้อย อยู่มาวันหนึ่งเป็นยาเสพติดขึ้นมา ในส่วนของกฎกระทรวงก็รันไปหมดแล้ว แนวโน้มถัดไปคือต้องดันไปให้ถึงจุดที่ปลูกได้แล้วแต่ไปแปรรูปเองไม่ได้ แต่ถ้าไปเพื่อการแพทย์ได้ ต้องควบคุมระดับนึงถ้าใช้ผิดประเภทก็อันตราย แบบกระท่อมผมก็ยังตกใจว่าแรงมากและเร็วมาก ไปที่ไหนก็ขายกันอย่างกับขายพลู

เมื่อ อับดุลบาซิม อาบู ส.ส.เขต 2 ปัตตานี ถูกถามถึงความมั่นใจว่า สมัยหน้าจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องในพื้นที่อีกครั้งหรือไม่ เขาบอกว่าสิบปีที่ผ่านมามีการขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงน้อยมากในพื้นที่ เมื่อภูมิใจไทยเข้ามาทุกคนมองว่าภูมิใจไทยสนับสนุนสมาชิกและพร้อมที่สุด

“ผมได้พูดในสภาฯ น้อยมาก เป็นผู้แทนที่พูดไม่เก่ง แค่หารือสภาฯ 4 ครั้ง หารือสะท้อนปัญหาพี่น้องประชาชน แต่ผมเชื่อว่าสองปีกว่าพยายามสะท้อนปัญหาผลักดันงบประมาณลงพื้นที่เพื่อให้คนในพื้นที่ได้สบายที่สุด แม้จะเป็น ส.ส.หน้าใหม่ เรามีรัฐมนตรี 7 ที่นั่งใน ครม.ชุดนี้ พยายามให้ รมว.ลงพื้นที่จริงทั้ง คมนาคม สาธารณสุข การกีฬาและการท่องเที่ยว มาดูพื้นที่จริง ชาวบ้านก็จะมองว่าทำไม ส.ส.บาซิ สามารถพา ครม.ลงพื้นที่ได้จริง การจะลงพื้นที่ไม่ใช่เรื่องง่าย มันยากเพราะต้องไปทั้งประเทศ แต่การมี ส.ส.ในพื้นที่เป็นสำคัญ เป็นความจำเป็นของชาวบ้าน ดูว่าเป็นปัญหาอะไรแล้วก็ทำ ตอนนี้กำลังทำถนนสี่เลนให้ในพื้นที่ สามารถสนองนโยบายภาครัฐได้เช่นกัน ในเมื่อเราดูแลกระทรวงไหนก็ของบประมาณนั้นไป แต่ ส.ส.จะไปยุ่งกับงบประมาณไม่ได้ ติดคุก

ผมพยายามผลักดันว่าเป็น ส.ส.ที่มีการศึกษา กลัวจะน้อยหน้า พื้นที่เสียโอกาส แต่ผมมั่นใจว่าสองปีที่ผ่านมานั้นเราเข้าใจปัญหาดีว่า ผมมาจากนายกอบต. อยู่ท้องถิ่นมา 20 ปีตั้งแต่ปี 40 แล้วลาออกมาสมัครผู้แทน ผมสัมผัสผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาทุกคน ชาวบ้านแสนว่าคนเยอะมาก แต่เราเข้าไปเจอชาวบ้านได้ 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ผู้นำสามารถเอาปัญหาของชาวบ้านมาสะท้อน แล้วแก้ปัญหาไป เราดูแลผู้นำเพื่อผู้นำไปดูแลชาวบ้านอีกทีหนึ่ง อย่างตอนนี้ผมอยู่ในพื้นที่ตลอด มีประชุมสภาฯ ทุกอาทิตย์เช่นกัน เขาบอกตอนหาเสียงอยู่พื้นที่ แต่พอเป็นผู้แทนหายไปอยู่กรุงเทพฯ เพราะมีประชุมตลอด เคยว่าคนอื่น พอเป็นแองรู้ถึงความจริงเป็นอย่างนี้ มันกลับบ้านไม่ได้ วันอังคารประชุมพรรค วันพุธประชุมสภาฯ ประชุมทั้งปีไม่มีวันหยุด เสาร์อาทิตย์ถึงกลับบ้านได้ วันก่อนเขาบอกผู้แทนสมัยหน้าสอบตกเพราะไม่มีเวลาอยู่ในพื้นที่ ท่านชวนจะให้ประชุมวันศุกร์อีกวัน หมอบอกว่าสภาฯ แห่งนี้ 500 คนจะสอบตกหมด แต่วันนี้เราโชคดีมาก พรรคให้โอกาสกับสส.มาก สิ่งไหนที่สะท้อนปัญหาของชาวบ้านและกระทรวงที่รับผิดชอบอยู่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้จริง วันนี้ผมเชื่อว่าสส.ทั้งประเทศอิจฉาภูมิใจไทยมาก เชื่อว่าพรรคเราพร้อมจริงๆ ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรค เลขาพรรค มีผลงานเด่นชัด คมนาคมในประเทศขยับทุกพื้นที่เลย มีการเปลี่ยนแปลงมาก การแก้ปัญหาโควิด เชื่อว่าในอนาคต ใครมีโอกาสลงภูมิใจไมทยมีโอกาสชนะมาก กระแสภาคใต้ตอนนี้ดี เขามองว่าภูมิใจไทยพูดแล้วทำจริง เรากล้าใช้คำนี้ได้ เราทำจริง ไม่ทำคนด่าตาย”

แพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งได้รับการวางตัวจากพรรคให้เป็นว่าที่ผู้สมัคร เขต 1 ปัตตานี บอกถึงความเป็นผู้หญิงกับการทำงานการเมืองในพื้นที่บ้านเกิดว่า เป็นผู้แทนของราษฎรทุกคน ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 3 ปีในสภาฯ ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้วว่าไม่ได้แค่พูดถึงและอยู่แต่ในสามจังหวัด แต่ยังพูดถึงพื้นที่อื่นๆ ด้วย

“สำหรับนโยบายของพรรคภูมิใจไทยในการพัฒนาสามจังหวัดชายแดนใต้นี้ คือมาจากความคิดเห็นของพวกเราทุกคนที่ร่วมกันคิด รวบรวม และระดมสมองกัน ให้ จชต.เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ (SBEC) แต่แม้ว่าเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็จริง แต่รัฐสภายังไม่หยิบยกเรื่อง SBEC และเทียบเคียงกับ EEC ถ้าเราทำได้ สิ่งนี้จะตอบสนองปัญหาของพี่น้อง เป็นความต้องการของพี่น้องหมด ทั้งเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ ศาสนา วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และกระบวนการสันติภาพ ที่คนในสามจังหวัดชายแดนใต้พูดกันมากที่สุด เราต้องทำสันติภาพเชิงบวก ถ้าเราสามารถที่จะกินดีอยู่ดี นอนหลับอุ่นสบาย ก็จะไม่มีทางคิดเรื่องอื่น

ในครั้งหน้าเราได้รับความไว้วางใจจากพรรคให้ลงเขต 1 ปัตตานี ในฐานะผู้หญิง แม้จะเป็นประเด็นที่พูดถึง ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม เราเป็นผู้แทนของราษฎรทุกคน ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 3 ปีในสภาฯ เราก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้ว เราไม่ใช่แค่พูดถึงและอยู่แต่ในสามจังหวัดเท่านั้น แต่เรายังพูดถึงพื้นที่อื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะเรื่องปัญหาของโควิด เรื่องพหุวัฒนธรรมต่างๆ เรามีผลงานที่ตอบโจทย์ชาวบ้านได้ ในเรื่องของสาธารณสุข เรามีรัฐมนตรีท่านอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ที่สามารถจัดการแก้ปัญหาเรื่องโควิดที่เห็นได้ชัด

นอกจากนี้เราและส.ส.ทั้ง 4-5 พรรคได้มีการตั้งประเด็นร่วมกัน เช่น การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเรื่องโควิดด้วยเช่นเดียวกัน แต่ด้วยเราเองเป็นแพทย์คนเดียว จึงสามารถตอบโจทย์การช่วยเหลือประชาชนได้ค่อนข้างดี เรื่องของการจัดหาวัคซีน 1 ล้านโดส แต่ใน จ.ปัตตานี แม้จะมีคนยังไม่ได้ฉีดวัคซีน แต่เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องระดมในทุกภาคส่วน ต้องช่วยกันแก้ปัญหาต่อไป ขณะนี้เห็นแล้วว่าไม่ได้มีปัญหาเรื่องการไม่มีวัคซีน เรายังมั่นใจกับนโยบายพรรค มั่นใจกับ ผอ.พรรค ว่าเราพร้อมที่จะมุ่งมั่นแก้ปัญหาในพื้นที่ เราเจอแล้ว พูดแล้ว และพูดจริง ทำจริง และยังมั่นใจว่าพรรคเราจะกวาดที่นั่งได้ทุกเขต

ในประเด็นผู้หญิง หมอเพชรดาวบอกว่า เจอปัญหานี้มาตลอด หากยังมั่นใจจะทำงานการเมือง และพร้อมกับดูนโยบายที่เหมาะกับสถานการณ์ที่มีอยู่

“เราทำงานมา 3 ปี และถ้าหากเราอยู่ครบ ต่อไปจะพยายามรวบรวมปัญหาทั้งหมด และทำข้อมูลอัปเดตเพื่อไปแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน ส่วนประเด็นเรื่องผู้หญิงมาเป็นนักการเมืองนั้นขอบอกว่า สมัยที่ผ่านมาในปี 62 เป็นครั้งแรกที่เรามีผู้หญิงที่ลงสมัครเป็น ส.ส.มากที่สุด ในโอกาสต่อไปที่จะมีการเลือกตั้ง แม้ในสามจังหวัดจะมีประเด็นของผู้หญิง แต่ต้องบอกว่าในหลายงานวิจัยกับทางศาสนา เรื่องผู้หญิงกับการเมืองยังมีข้อขัดแย้งนั้นยังไม่มี ในต่างประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน เรามีผู้หญิงเป็นนักการเมือง เรามีมุสลิมะฮฺที่มาเป็นรัฐมนตรีได้ในอดีต ที่ผ่านมาสมัยแรกที่ได้ลง ส.ว. จำได้ว่าทางคุณพ่อเด่น โต๊ะมีนา ได้มีการประชุมเรื่องนี้โดยตรงกับทางคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ถึงการฟัตวา (วินิจฉัยปัญหา) เฉพาะจังหวัดปัตตานี ว่าผู้หญิงเป็น ส.ส. หรือ ส.ว. ได้หรือไม่ แต่คงต้องดูว่า ดิฉันเป็นผู้หญิงและเข้ามาตรงนี้ได้แล้ว ได้พิสูจน์ตัวเองจริงๆ แล้วว่าสามารถทำงานตรงนี้ได้จริงไหม”

ด้าน อนุกูล อาแวปูเต๊ะ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จังหวัดปัตตานี เผยถึงความในใจในการมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยว่า อันดับแรก คือ พรรคภูมิใจไทยมีการบริหารจัดการที่ดีมากๆ และโชคดีที่มีคุณศิรภพ ดวงสอดศรี ผอ.พรรคภูมิใจไทยที่เป็นชาวปะนาเระ เป็นคนปัตตานี ที่เข้าใจปัญหาเป็นอย่างดี รู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องความเป็นพหุวัฒนธรรม คนพุทธและมลายูอยู่ด้วยกันอย่างไร จึงมองภาพออกว่าสำหรับการแก้ปัญหาชายแดนใต้นี้ เราควรแก้ปัญหาอย่างไร และยังเข้าถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคถือว่ามีบทบาทสำคัญในพรรค สามารถสะท้อนถึงการแก้ปัญหาได้ และบวกกับความตั้งใจที่จะทำงานการเมืองเพื่อแก้ปัญหาเพื่อพี่น้องประชาชนได้

“ทุกคนมักพูดว่า ทุกปัญหาต้องแก้ด้วยการเมือง แต่การเมืองที่นั้นคือการเมืองแบบไหนจะทำอย่างไร ตัวผมเองที่อาสาสมัครเข้ามาในครั้งนี้ในฐานะผู้ทำงานทางทนายความ เป็นประธานสภาทนายความมุสลิมจังหวัดปัตตานี พร้อมกันกับคุณอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ จังหวัดยะลา และคุณกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ จากนราธิวาส เราตั้งใจด้วยกันแล้วว่าจะลงมาเป็นตัวผู้เล่น ขอมีบทบาทในฐานะนักกิจกรรม ลงมาต่อสู้เพื่อแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน เราจะแก้ปัญหาของพี่น้องได้นั้นมีความจำเป็นที่ต้องเข้าไปอยู่ในอำนาจรัฐให้ได้ และยกอำนาจและผลประโยชน์นั้นให้กลับมาสู่มือของพี่น้องประชาชน เป็นวิธีการที่ถือว่าเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาทางการเมืองได้

สำหรับวันนี้เป็นที่น่ายินดีมากที่เราได้คุณนัจมุดดีน อูมา มาร่วมกันทำงานในพรรคด้วย อดีตที่ผ่านมาเราคุ้นเคยและได้ทำงานกันมานานมากแล้ว ตั้งแต่ท่านเคยถูกคดี ท่านเป็นคนหนึ่งที่เข้ารับบทถูกทดสอบมากที่สุดคนหนึ่ง และทำงานสัมผัสกันตั้งแต่ทนายคุณสมชาย นีละไพจิตร ยังอยู่ ช่วงที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดเหตุการณ์ใหม่ๆ เรามีปัญหามาก ผมกับทนายสมชายไปพบท่านนัจมุดดีนและท่านเด่น โต๊ะมีนา มารับเรื่องและติดตามปัญหาตลอด ครั้งนี้ได้ท่านนัจมุดดีนมาทำงานการเมืองร่วมกัน และเป็นผู้มีประสบการณ์มานาน ผมในฐานะน้องใหม่ก็ต้องการการชี้แนะ และเราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าพรรคภูมิใจไทยจะสามารถตอบโจทย์และเป็นพรรคการเมืองที่สามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้จริงครับ”.