“พล.อ.ประยุทธ์” ติงคนชอบพูดแต่ไม่ทำ ขอใช้สติทบทวนรัฐบาลทำอะไรมาบ้าง รัฐบาลมุ่งมั่นทุกคน ทุกอาชีพ ลั่น ไทยต้องเสถียรภาพและสงบสุข ยึดสถาบันหลักของชาติ ลุยพลิกฟื้นประเทศให้ดีกว่าเดิม
วันที่ 22 ธ.ค. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 18 ภายใต้ชื่อว่า กัญชานำไทย สมุนไพรสร้างชาติ ในช่วงหนึ่งว่า เท่าที่เป็นรัฐบาลหรือศึกษามาทราบว่าเรามีตำรับยาไทยแผนโบราณมากกว่า 1,000 ตำรับ ในอดีตก็อยู่มาได้ด้วยยาพวกนี้ ไม่ใช่แพทย์แผนปัจจุบัน นั่นคือคุณูปการของบุคลากรทางการแพทย์สมัยโบราณที่ผ่านมา ใช้สมุนไพรในการรักษาพยาบาล และวันนี้ก็นำสมุนไพรเหล่านั้นมาพัฒนาต่อยอดในปัจจุบันได้ด้วย เช่น ฟ้าทะลายโจร และหลายๆ อย่างได้รับความสนใจจากต่างประเทศ เราต้องทำให้เพิ่มมูลค่า ลดต้นทุนการผลิต
การดำรงชีวิตทุกวันนี้ทุกคนก็เป็นห่วงกังวล ผมห่วงกังวลหลายร้อยเท่ากับสุขภาพของพวกเราในเวลานี้ โดยเฉพาะเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ไม่ว่าจะจากเชื้อโรคชนิดใดก็ตาม เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเร่งรัดในเรื่องของกระบวนการด้านสาธารณสุข ว่าสามารถจะรองรับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ได้หรือไม่ เราต้องทำบนพื้นฐานของความเสี่ยงหลายประการด้วยกัน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความสมดุลในหลายๆ ด้าน ทั้งเศรษฐกิจและสุขภาพ
“สิ่งสำคัญที่สุดคือทุกคนต้องช่วยกัน ต้องช่วยกัน ถ้าเราไม่ช่วยกัน ไม่มีสติ เราจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลยสักอย่างหนึ่ง เพราะปัญหาทุกปัญหาล้วนมีผลกระทบส่งถึงกันทั้งสิ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือประเทศไทยต้องมีเสถียรภาพ ความสงบสุข สันติ ปราศจากความขัดแย้ง ผมเองพยายามที่จะรักษาตรงนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด”
...
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า เราอยากได้อะไร ก็ต้องทำให้สิ่งนั้นสำเร็จ ทุกคนต้องมีส่วนร่วม มีสติ มีความยั้งคิดยั้งทำในการดำรงชีวิต โดยเพาะอย่างยิ่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ขณะที่รัชกาลที่ 10 ก็ทรงรับสั่งว่าให้มีการสืบสาน รักษา ต่อยอด สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทุกอย่างเรามีความเป็นมาเกือบ 800 ปีมาแล้ว อยู่บนเสาหลักของเราคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่อยู่ในหัวใจคนไทยทุกคน
ถ้าทำลายสิ่งที่ดีงามของเรามาแต่อดีต ไม่มีอะไรจะดีขึ้นไปกว่าเดิม เพราะทุกอย่างเกิดมาด้วยประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น อันไหนไม่ดีก็อย่าทำอีก อะไรที่ดีงามก็รักษาไว้ สืบสาน รักษา ต่อยอด พร้อมฝากทุกภาคส่วนช่วยกันคิด ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะทิ้งโอกาสไปทั้งหมด โอกาสทุกโอกาสกลายเป็นวิกฤติทั้งหมด สงสารประชาชนเถอะครับ พ่อแม่พี่น้องอีกมากมายที่ยังลำบากอยู่ เรื่องของค่าครองชีพ ความยากจน ปัญหาหนี้สิน
“หลายๆ เรื่องรัฐบาลพยายามทำทุกอย่างตลอดเวลาที่ผ่านมา มันอาจจะยาก มันอาจจะช้า แต่ก็ได้เริ่มลงมือทำมามากแล้วพอสมควร หลายอย่างประสบความสำเร็จไปแล้ว หลายอย่างยังไม่สำเร็จ ถ้ามันง่ายนักมันคงแก้ไปได้นานแล้วแหละ เพราะฉะนั้น เราไม่ต้องการให้ปัญหาเหล่านี้ทับซ้อนซ้ำซ้อนลงไปอีกเรื่อยๆ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความยากจน วันนี้เราตั้งคณะกรรมการทำงานแบบองค์รวมแล้วเพื่อจะลงไปดูพี่น้องต่างๆ ในทุกพื้นที่ว่ามีความยากลำบาก มีความเดือดร้อนอะไรบ้าง การประกอบอาชีพมีปัญหาอะไร จะต้องปรับเปลี่ยนหรือไม่”
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่าต้องขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน งบประมาณในปี 2566 ก็ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรให้งบที่มีอยู่คุ้มค่าเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ต้องทำให้ต่อเนื่องยืนยาว ไม่ใช่ทำเป็นจ๊อบๆ แล้วก็จบ แต่ตอบปัญหาภาพรวมไม่ได้ เหมือนการทำถนนที่ต้องขยายและต่อไปเรื่อยๆ คือความต่อเนื่องในการพัฒนาตามความต้องการของประชาชน ตามสภาพการพัฒนาประเทศ ต้องมีกระบวนการคิดที่สร้างสรรค์ ไม่มีอะไรที่ทุกคนจะยอมรับได้ ที่สำคัญต้องมองไปที่เป้าหมายสุดท้ายที่เราจะได้ ลองคิดดูแล้วจะเห็นว่ารัฐบาลทำงานมาอย่างไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสุขภาพ เราทำงานหนัก รัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกคนที่อยู่ในกระบวนการทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยมา 2 ปีกว่าแล้ว จนกระทั่งสถานการณ์อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ การดูแลผู้เจ็บป่วยเข้าสู่การรักษาเราทำได้ดี ถือว่าดีมากๆ ในโลกใบนี้ แต่อย่างไรก็ตามเราประมาทไม่ได้ ขอให้มีสติทุกเรื่อง ป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด และช่วยกันป้องกันคนอื่นด้วย เพื่อลดภาระของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานหนักมาตลอด 2 ปีกว่าๆ ทำงานโดยไม่ได้บ่น ไม่พูด ไม่ได้ว่าใคร หลายคนไม่ได้ทำแต่พูด นี่คือสิ่งที่ทำให้เราทำงานได้ยากขึ้นทุกวัน ขอให้ทุกคนใคร่ครวญให้ดี มีสติในการทบทวน คิดดูว่าประเทศไทยเรามีอะไรที่ก้าวหน้าไปแล้วบ้าง
“ผมยืนยัน ในขณะที่เราต้องใช้งบประมาณจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีๆ เราจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยมีรายได้สูงขึ้น เพิ่ม GDP ของประเทศให้มากขึ้นเพื่อนำเงินเหล่านี้มาพัฒนาประเทศ ทั้งการลงทุน การดูแลผู้มีรายได้น้อย อะไรต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งมันใช้เงินมากขึ้นๆ ตามหลักทุกปี ถ้าเราแก้ปัญหาความยากจนไม่ได้ เราจะใช้เงินตรงนี้มากไปจนเกินงบประมาณที่เรารับได้ ขอฝากไว้ด้วย รัฐบาลมุ่งมั่นในการดูแลทุกคน ทุกอาชีพ ทุกรายได้ แต่จะต้องมีงบประมาณที่เพียงพอ”
ในวันนี้เราสร้างมูลค่าให้ประเทศของเราด้วยสมุนไพร คาดหวังว่าจะมีรายได้เข้าประเทศอีกจำนวนมาก เพราะรัฐบาลรายได้จากการส่งออกและภาษีเท่านั้น รัฐบาลจะสนับสนุนทุกกิจกรรมที่จะสร้าง GDP รายได้ประเทศให้สูงขึ้น เพื่อลดปัญหาการขาดดุลของการใช้งบการจัดทำงบประมาณรายปี ทุกอย่างต้องมีการเริ่มต้น หากมีปัญหาก็ต้องฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้ไปให้ได้ ต้องมีแผนเผชิญเหตุในการทำงาน เตรียมไว้ให้หมดไม่ว่าจะเชื้อชนิดไหนก็ตาม ถ้าระบบสาธารณสุขเรายังรองรับได้ ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องหารือร่วมกันว่าจะทำอย่างไรให้รับได้ เพียงพอไหม ที่ผ่านมาทำได้อย่างไร ถ้าเกิดขึ้นอีกทำได้อีกหรือไม่ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันคิด
ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ถ้าติติงกันทั้งหมดจะทำอะไรไม่ได้เลย แล้วก็ติไปทุกเรื่อง เราให้ความสำคัญสุขภาพมาก่อน และเศรษฐกิจต้องตามมา รัฐบาลจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ร่วมมือกันทุกฝ่าย ไม่ได้ปล่อยเป็นภาระหน้าที่ความรับผิดชอบของใคร เราต้องรับผิดชอบร่วมกัน เดินหน้าไปด้วยกันเพื่อจะพลิกฟื้นประเทศไทยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุดและดีขึ้นกว่าเดิม
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการภายในงาน โดยก่อนเดินทางกลับได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน ว่า อยากให้ประชาชนทุกคนมีสติ เพื่อป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลจะต้องคำนึงถึงเศรษฐกิจฐานรากควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพ และยินดีที่วันนี้ประเทศไทยสามารถฉีดวัคซีนตามเป้าหมายได้ 100 ล้านโดส และอยากให้มีการฉีดกระตุ้นเข็ม 3 อย่างต่อเนื่อง.