สธ. ย้ำ ประเทศในทวีปแอฟริกาใต้หากเดินทางเข้าไทย ต้องกักตัว 14 วัน ส่วนประเทศเสี่ยง 8 ประเทศ ไม่ให้เข้าไทยแล้ว ขอคนไทยการ์ดอย่าตก ชี้ระบบเฝ้าระวังสายพันธุ์โอไมครอนในไทย เป็นไปตามมาตรฐานโลก

วันที่ 29 พ.ย. 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กล่าวถึงสถานการณ์การติดเชื้อโควิดทั่วโลกว่ามีผู้ติดเชื้อแล้ว 261,737,293 ราย และ เสียชีวิต 5,216,801 ศพ หรือ 1.99% ส่วนแอฟริกาใต้ อยู่อันดับที่ 18 ของโลก

ขณะที่การพบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ในทวีปแอฟริกา พบที่ประเทศ บอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย แอฟริกาใต้ ซิมบับเว จึงไม่ให้ประเทศดังกล่าวเดินทางเข้าไทยแล้ว ส่วนประเทศอื่นๆ ในทวีปแอฟริกาใต้ หากเข้าไทยจะต้องมีการกักตัว 14 วันเช่นเดิม ส่วนทวีปยุโรป พบที่ อิตาลี เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ เบลเยียม สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก ด้านทวีปเอเชีย พบที่ฮ่องกง และอิสราเอล นอกจากนี้ยังพบที่ประเทศออสเตรเลีย

นายแพทย์เฉวตสรร ได้กล่าวถึงเรื่องอาการของสายพันธุ์โอไมครอนว่า จากการติดตามคนที่ติดเชื้อยังมีอาการเล็กน้อย และส่วนใหญ่มีอาการน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา ขณะที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1-28 พ.ย.แล้ว กว่า 122,000 คน มีผู้ติดเชื้อรวม 160 ราย คิดเป็น 0.13% จึงต้องจับตามองกันต่อไป ส่วนประเทศที่เดินทางมามากที่สุด ยังเป็นอเมริกา เยอรมนี สาธารณรัฐเช็ก แต่ผู้ติดเชื้อไม่มีพบว่ามีมาจากทวีปแอฟริกาใต้

...

ส่วนการติดเชื้อในประเทศ หลังจากเปิดประเทศพบว่าลดลง ซึ่งถือว่ายังควบคุมได้ดี เช่นเดียวกับแนวโน้มการเสียชีวิตที่ลดลง แต่ยังต้องมีมาตรการป้องกัน เช่น การฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ดังนั้นหากมีวัคซีนใดเปิดให้ฉีดควรรีบเข้าไปฉีด รวมถึงการ์ดอย่าตก ทั้งการป้องกันแบบ universal prevention และ Covid free setting

นอกจากนี้ นายแพทย์เฉวตสรร ยังกล่าวเตือนว่า แม้ว่าแนวโน้มการติดเชื้อจะลดลง แต่การทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น งานบุญ งานศพ ที่มักถอดหน้ากาก นั่งรับประทานอาหารร่วมกัน ยังเป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ จึงขอให้การ์ดสูงไว้ก่อน เพื่อป้องกันทั้งสายพันธุ์เดลตา และรับมือกับสายพันธุ์โอไมครอน

ทั้งนี้ยืนยันว่า การเฝ้าระวังสายพันธุ์โอไมครอนในไทย เป็นไปตามมาตรฐานโลก มีการตรวจหาเชื้อเพียงพอและส่งข้อมูลไปสู่ศูนย์ข้อมูลสากลต่อเนื่อง จึงขอให้มั่นใจในระบบเฝ้าระวังของไทย แต่การฉีดวัคซีนและการเฝ้าระวังส่วนบุคคลจะทำให้เราปลอดภัยไปด้วยกัน