“ธนาธร” ประธานคณะก้าวหน้า ชี้ ทรัพย์ดิจิทัล-Crypto คืออนาคต แนะ รัฐทำโครงการนำร่องศึกษาก่อนออกกฎคุม ติงมุ่งกำกับ-รีดภาษี ทำอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยตามโลกไม่ทัน หนุน ออกสกุลเงินดิจิทัล

วันที่ 27 พ.ย. 64 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้ร่วมเป็นหนึ่งในวิทยากร วงเสวนา “โอกาสของประเทศไทยในสังเวียน Digital Asset” ภายในงาน Blockchain Thailand Genesis 2021 : The era of Metaverse and Digital Asset ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่ม Blockchain Thailand พูดคุยถึงโอกาส อุปสรรค และความท้าทายที่ประเทศไทยกำลังเผชิญจากการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีทางการเงินสมัยใหม่ อย่างสินทรัพย์ดิจิทัลและสกุลเงิน Crypto

ในช่วงต้น นายธนาธร ระบุว่า สำหรับตนแล้ว เรากำลังอยู่ในยุคที่น่าตื่นเต้นทางเทคโนโลยี ซึ่งแน่นอนเราไม่รู้ว่า ในอนาคตมันจะพาเราไปถึงจุดไหน แต่เรารู้ว่า มันมีศักยภาพที่อาจจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานของการเงินการธนาคาร และการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของเราได้

นวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ในสมัยหนึ่ง เหรียญ ธนบัตร หรือตู้กดเอทีเอ็ม ก็เคยเป็นนวัตกรรมทางการเงิน แต่ทั้งหมดล้วนสร้างอยู่บนโครงสร้างและระบบธนาคารเดิม

แต่กรณีการเกิดขึ้นของ Metaverse ไม่ได้ตั้งอยู่บนระบบการเงินเดิม การซื้อขายกันด้วยระบบเหรียญที่เป็นคริปโต ที่ไม่เกี่ยวข้องกับระบบธนาคารเลย แต่เป็นระบบการเงินในโลกเสมือน ที่กำลังจะย้อนกลับเข้ามาในโลกชีวิตจริงมากขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้น มันอาจจะมีศักยภาพที่จะ Disrupt โครงสร้างพื้นฐานเดิมของการเงินทั้งในระดับชาติและในระดับโลกด้วย

นายธนาธร กล่าวต่อไป ว่าอย่างไรก็ตามเมื่อมาดูที่บทบาทของภาครัฐ จะเห็นว่า เต็มไปด้วยความพยายามเข้าไปกำกับดูแล หรือตั้งกฎควบคุมอย่างเข้มงวด ซึ่งตนมองว่า ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ หากเราไปตั้งกฎควบคุมอย่างเข้มงวด รวมถึงตั้งใจจะรีดภาษีจากธุรกิจนี้ตั้งแต่วันนี้ ธุรกิจนี้จะไม่เติบโตไปไหน แล้วเราจะตามหลังในการพัฒนาเทคโนโลยี ไม่ทันโลกและประเทศเพื่อนบ้าน

...

สำหรับตนแล้ว คิดว่าบทบาทของภาครัฐควรต้องมีสมดุล แม้ตนจะเข้าใจภาครัฐในแง่หนึ่ง ว่า ต้องการปกป้องนักลงทุนที่จะโดนโกงจากมิจฉาชีพ หรือการผิดนัดชำระเงินในระบบ แต่วิธีก็คือ รัฐต้องไปจับโจร หรือการส่งเสริมระบบป้องกัน เช่น การสนับสนุนให้เอกชนออก Crypto Insurance ไม่ใช่การไปปิดตลาด

นอกจากนี้ สิ่งที่รัฐควรที่จะทำคือการสนับสนุนอุตสาหกรรมให้ไปรอดได้ สิ่งหนึ่งที่จะทำให้เกิดได้จริง คือการทำให้สินทรัพย์ที่อยู่ในโลกเสมือน ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาใช้ในโลกแห่งความเป็นจริงได้ ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมเติบโตได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงมากขึ้น

เช่น การจ่ายภาษีด้วย Cryptocurrency จูงใจให้คนจ่ายภาษีด้วย Crypto ด้วยการลดหย่อนภาษี โดยเริ่มจากภาษีตัวเล็กที่ไม่มีผลกระทบมากก่อน หรือการจ่ายค่าธรรมเนียมภาครัฐต่างๆ ด้วย Cryptocurrency ทั้ง Cryptocurrency ระดับโลกและที่ริเริ่มจากคนไทย นี่เป็นตัวอย่างของสิ่งที่ภาครัฐสามารถทำได้

นายธนาธร กล่าวต่อไป ว่าอีกประการหนึ่งที่ตนคิดว่ารัฐไทยต้องเร่งทำ ก็คือธนาคารกลางสำหรับสกุลเงินดิจิทัล ทำออกมาเป็นโครงการนำร่อง ออก e-baht มาเป็นสกุลเงินใหม่ ซึ่งอ้างอิงกับเงินบาทไทย ขายไปให้ธนาคารพาณิชย์ แล้วให้ธนาคารพาณิชย์ขายต่อให้กับลูกค้า สร้างระบบขึ้นมาว่าใช้จ่ายอะไรได้บ้าง หลังจากนั้นก็ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค ศึกษาผลกระทบทางการเงิน และทางสังคม-เศรษฐกิจว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ครั้งแรกอาจจะเริ่มจากวงเงิน 100-200 ล้านบาท แล้วศึกษาระบบนิเวศของมัน ยิ่งศึกษาเร็วเท่าไรเราจะยิ่งออกกฎได้อย่างมีประสิทธิภาพมากเท่านั้น

“ไม่ใช่ออกกฎก่อนแล้วทำโครงการนำร่องทีหลัง ซึ่งโครงการนำร่องอย่างนี้ควรจะออกมาตั้งนานแล้ว ใช่อยู่ว่าคุณกำลังทำ แต่มันช้าไปแล้ว แถมยังออกกฎมาก่อนแล้วค่อยมาศึกษา สำหรับผมกระบวนการมันควรกลับกัน สิ่งที่ควรจะทำก่อนก็คือคุณต้องออกสกุลเงินดิจิทัลในจำนวนเล็ก ให้ใช้ในกิจกรรมที่มีวงจำกัดก่อน แล้วคุณค่อยเอาผลการศึกษามาดู” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธร ยังกล่าวต่อไป ว่าก่อนมาออกรายการนี้ สิ่งหนึ่งที่ตนสงสัยมาก คือเราสอนความรู้ด้านการเงินให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ของเราอย่างไรบ้าง จึงให้ทีมงานไปที่ศึกษาภัณฑ์ซื้อหนังสือเรียนชั้นมัธยมปลายมาดู

ซึ่งเมื่อได้เปิดดูแล้ว ตนพบว่าทุกเล่มไม่มีสอนเรื่องที่เป็นพื้นฐานเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงทุน-การออม จะเกษียณอย่างไรให้มีเงินเพียงพอใช้ จะลงทุนอย่างไร การออมมีกี่รูปแบบ ตลาดหุ้นคืออะไร ทรัพย์สินที่ลงทุนได้มีอะไรบ้าง ลงทุนในที่ดินผลตอบแทนเป็นอย่างไร กองทุนเป็นอย่างไร ตลาดหุ้นเป็นอย่างไร สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นอย่างไร ฯลฯ

เนื้อหาอย่างมากที่สุด มีเพียงแต่การสอนในเรื่องของสหกรณ์ เศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่ไม่ตอบโจทย์กับโลกใบใหม่ที่สินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเติบโต

“เด็กควรได้เรียนเรื่องเงินฝาก ต้องคำนวณดอกเบี้ยได้ เช่น ปีหนึ่งฝากเงินกับธนาคาร ดอกเบี้ยคงที่ปีละ 5% ผ่านไปสามปีเงินจะกลายเป็นเท่าไร อย่างนี้เป็นต้น เด็กๆ ต้องคิดเป็นว่า ผลตอบแทนคืออะไร ซึ่งนี่คือ A Level ในต่างประเทศ ที่เขาสอนให้เด็กทุกคนต้องคิดเรื่องพวกนี้เป็น ซึ่งต่างกับสิ่งที่อยู่ในแบบเรียนของเมืองไทยโดยสิ้นเชิง ดังนั้น คุณจะพูดได้อย่างไรว่าคุณอยากจะสนับสนุนให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ของเราตามโลก ตามโลกาภิวัตน์ได้ทัน ตราบใดที่การเรียนการสอนคุณยังล้าหลังแบบนี้?” นายธนาธร กล่าว.