ครม. อนุมัติ 1,500 ล้าน ให้ธนาคารออมสิน เปิดมาตรการสินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ รายละไม่เกิน 3 แสนบาท เสริมสภาพคล่องให้ประชาชนกลับมาประกอบอาชีพ ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 งวดแรก
วันที่ 23 พ.ย. 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวในช่วงแรกว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ธนาคารออมสิน ดำเนินมาตรการสินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ โดยอนุมัติวงเงิน 1,500 ล้านบาท ในส่วนที่ธนาคารออมสินขอชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ร้อยละ 30 ของวงเงินสินเชื่อที่อนุมัติทั้งหมด 5,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อให้ธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นเงินเริ่มทุนเริ่มต้นในการประกอบอาชีพ หรือเสริมสภาพคล่องให้สามารถกลับมาประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อไปได้ รวมถึงช่วยลดการพึ่งพาสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงหรือสินเชื่อนอกระบบ โดยมีรายละเอียดมาตรการ ดังนี้
กลุ่มเป้าหมาย
1. ผู้เริ่มประกอบอาชีพและผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ผู้ผ่านการอบรมอาชีพช่างทุกประเภท เช่น ช่างปูน ช่างแอร์ ช่างไฟฟ้า ช่างเชื่อม ช่างซ่อมอุปกรณ์ เป็นต้น และผู้ที่ไม่ใช่ช่าง เช่น เสริมสวยหรือตัดผมชาย คนขายของออนไลน์ เป็นต้น โดยมีใบประกาศนียบัตรหรือวุฒิบัตรที่ผ่านการอบรมจากหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนหรือเอกสารอื่นๆ ตามประเภทของอาชีพหรือมีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพดังกล่าว
2. ผู้ประกอบการขนาดย่อม ที่มีสถานที่จำหน่ายแน่นอน เช่น ค้าปลีก ค้าส่ง โชห่วย แฟรนไชส์ เป็นต้น โดยมีทะเบียนพาณิชย์ ทะเบียนการค้า สัญญาแฟรนไชส์ หรือเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของอื่นๆ
3. ผู้ขับขี่รถสาธารณะ เช่น ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ รถตู้สาธารณะ รถขนส่งสินค้า รถบรรทุก โดยมีใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะหรือเอกสารอื่นๆ ตามประเภทของอาชีพ
...
เกณฑ์วงเงินสินเชื่อ
- วงเงินสินเชื่อ ไม่เกินรายละ 300,000 บาท
- ระยะเวลาการขอยื่นสินเชื่อ ตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติเห็นชอบ ถึงวันที่ 30 ก.ย. 2565
- ระยะเวลาการกู้ รวมระยะเวลาทั้งสิ้นต้องไม่เกิน 5 ปี (ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 งวดแรก)
- อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.99 ต่อปี
“แม้สถานการณ์โควิด-19 ในไทยจะคลี่คลาย แต่ยังมีประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งรายได้ลดลง ขาดเงินทุนสำหรับการมาเริ่มประกอบอาชีพใหม่ หรือต้องการเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ ดังนั้น ครม. จึงเห็นชอบให้ธนาคารออมสินดำเนินมาตรการสินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ ซึ่งธนาคารออมสินยังจะจัดให้มีการฝึกอบรม เพื่อส่งเสริมความรู้ทางการเงินและยกระดับทักษะในการประกอบอาชีพให้กับลูกค้า รวมทั้งจัดหาอุปกรณ์การค้าและสถานที่จำหน่ายสินค้า ซึ่งคาดว่าจะช่วยเหลือประชาชนให้สามารถกลับมาประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อไปได้ประมาณ 60,000 รายด้วย”.