ปิดฉากกันไปอีก 1 เวทีประชุมใหญ่ประจำปี กับงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 39 “Connect the Dots : Design the Future รวมพลัง...สร้างสรรค์อนาคต” ที่จัดโดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

ไฮไลต์ก่อนปิดงาน คือพิธีมอบสมุดปกขาวถึงมือนายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา

มุ่งเน้นให้หอการค้าไทย เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยง ภาครัฐ เอกชน และประชาชน ผ่านการขับเคลื่อน 3 Value Chain (ห่วงโซ่แห่งคุณค่า) ได้แก่

1.การค้าและการลงทุน 2.เกษตรและอาหาร และ 3.การท่องเที่ยวและบริการ

มุ่งสู่การขับเคลื่อนภารกิจ “การฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใน 99วันแรก” ด้วย 3 ภารกิจสำคัญ คือ เร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน, เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ด้วย Digital Transformation ให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และแก้ไขกฎระเบียบ อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจได้สะดวก

ในสมุดปกขาวของหอการค้าฯ มีการประมวลสรุปผลการระดมความคิดเห็น 3 เรื่อง คือ

1.เรื่อง “CONNECT กำหนดยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ 5 ภาค และ Strategic Move” ให้สอดคล้องกับร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯฉบับที่ 13 และแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยหอการค้าทั้ง 5 ภาค เสนอแผนงาน ดังนี้

ภาคใต้ อาทิ โครงการ ANDAMAN ECONOMIC TOURISM (เขตเศรษฐกิจเพื่อการท่องเที่ยวอันดามัน), โครงการ ANDAMAN GO GREEN, การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 (ปี 2568)

ภาคตะวันออก ชงโครงการพัฒนา SMEs ขายสินค้าไปยังต่างประเทศ ผ่านช่องทาง Cross Border e-Commerce (CBEC), โครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (Eastern Fruit Corridor : EFC)

ภาคกลาง เสนอยกระดับเกษตรแนวใหม่มูลค่าสูง ทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Value Chain) โดยการสร้างผู้ประกอบการเกษตรรุ่นใหม่, จัดตั้ง Value Creation Trader, ขยายช่องทางการตลาดออนไลน์และออฟไลน์

...

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เตรียมความพร้อมรองรับการเปิดให้บริการรถไฟ จีน-ลาว

ภาคเหนือ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของชุมชน และ SMEs (ยกระดับมาตรฐาน)

2.เรื่อง “CONNECT SMEs ไทย ด้วย Digital Trans formation” ขับเคลื่อนและยกระดับผู้ประกอบการ SMEs ไทย ด้วยเครื่องมือ Digital Transformation

3.เรื่อง “โอกาสและทิศทางอนาคตประเทศไทย จากมุมมองของคนรุ่นใหม่”

ขณะที่ นายกฯประยุทธ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษ “จับมือรวมใจพาไทยรอด” ประกาศลั่นในสิ้นปีนี้จะฉีดวัคซีนให้ครบ 120 ล้านโดส

พร้อมความเชื่อมั่นว่าในอีก 3 ปี เศรษฐกิจจะดีขึ้น หลังมีการอัดงบประมาณแก้โควิดไปถึง 25% ของจีดีพี (วงเงินงบฯ 3.3 ล้านล้านบาท)

สำหรับเสียงเรียกร้องจากภาคเอกชน ให้ไทยเร่งตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรกับการเข้าร่วมเป็น สมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP)

ซึ่งนายกฯประยุทธ์มองว่า “CPTPP แม้มีข้อเสีย แต่ต้องมีข้อดี ต้องเจรจาก่อน เราไม่ได้รับทุกเงื่อนไข ถ้าเราไม่ร่วมเจรจาในวันนี้ เราก็ไม่มีสิทธิเจรจาข้อสงวนในอนาคต...อย่างวันนี้มีข้อตกลงพันธะสัญญา ACEP ผ่านมาเกือบ 2 ปียังเริ่มใช้กันไม่ครบ ฉะนั้นมันไม่ได้เร็วขนาดนั้น กว่าจะตกลง กว่าจะเจรจากันได้ ต้องใช้เวลา”

ก่อนจะตบท้ายบทเสวนา ด้วยการแก้ตัวคำพูดที่เคยพูดไว้ ทั้งเรื่อง การสั่งให้ทหารปลูกผักชี หรือเรื่องใช้รถทหารมาขนของแทนรถบรรทุก อ้างว่าถูกบิดเบือนในเจตนารมณ์ ขอทุกคนอย่าไปเชื่อ

อ้าวแล้วที่พูดๆมามันไม่ได้ออกมาจากปากท่าน...งั้นหรือ

ชอบชักใบให้เรือเสียตอนจะจบอยู่เรื่อย.

เพลิงสุริยะ