โฆษกรัฐบาล โต้ “หญิงหน่อย” จัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากสินค้าพลังงานเป็นแนวปฏิบัติสากล เป็นรายได้รัฐเพื่อการพัฒนาประเทศ เหน็บ อย่าคิดจะพูดอะไรก็พูด แต่ทำได้หรือเปล่าไม่รู้ เพราะยังไม่ได้ศึกษาข้อเท็จจริง รังแต่จะสร้างความสับสนให้ประชาชน ย้ำ นโยบายพลังงานของนายกฯ สร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืน


วันที่ 21 พ.ย. นายธนกร วังคงบุญชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย เรียกร้องให้รัฐบาล ยกเลิกการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน พร้อมทั้งระบุว่า การเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันสูงถึงลิตรละเกือบ 6 บาท เสมือนรีดเลือดกับปู ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้คนไทยต้องใช้น้ำมันในราคาแพงกว่าประเทศคู่แข่งว่า ภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ทุกรัฐบาลต้องจัดเก็บเพื่อนำภาษีไปใช้เป็นงบประมาณในการพัฒนาประเทศ และเป็น 40% ของรายได้ประเทศ ซึ่งรัฐบาลตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันได้มีการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร เพราะเป็นต้นทุนหลักในค่าขนส่ง นอกจากนี้ การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากสินค้าพลังงานยังเป็นแนวปฏิบัติที่เป็นสากล เนื่องจากสินค้าพลังงานสร้างผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างมลภาวะทางอากาศ ส่งผลต่อสุขภาวะของประชาชน รวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนด้วย ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่จะทำแค่ชั่วคราวหรือเฉพาะหน้าได้ อย่างไรก็ตาม ท่านนายกฯ สั่งการให้กระทรวงพลังงาน และกระทรวงการคลัง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน ทั้งน้ำมัน ก๊าซปิโตรเลียมเหลว ไฟฟ้า ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรม ขณะเดียวกัน ให้สนับสนุนการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนตามศักยภาพของแหล่งเชื้อเพลิงในพื้นที่ เปิดโอกาสให้ชุมชนและประชาชนมีส่วนร่วมในการผลิตและบริหารจัดการพลังงาน พร้อมทั้งสนับสนุนแนวทางปฏิรูปโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ ให้สอดคล้องกับต้นทุน

...


นายธนกร กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ในปัจจุบัน 9,207 ล้านบาท (ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2564) รวมทั้งเงินกู้ยืมที่รัฐบาลได้ขยายกรอบวงเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันจาก 20,000 ล้านบาท เป็น 30,000 ล้านบาท เพื่อช่วยพยุงราคาด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชน จึงใช้นโยบายในการประคับประคองราคาน้ำมัน และตรึงราคาก๊าซหุงต้มมาโดยตลอด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังสั่งให้เตรียมรับมือในอนาคต โดยให้เป็นไปตามมติ กบง. ซึ่งกระทรวงพลังงานประเมินแล้วว่า เงินกองทุน ณ วันนี้ น่าจะเพียงพอใช้ได้ถึงประมาณไตรมาสหนึ่งปี 2565 หากราคาน้ำมันดิบไม่เกิน 87.5 เหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะเริ่มอ่อนตัวลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป


"การลดภาษีสรรพสามิตนั้นจะต้องมีการออกกฎหมายหรือกฎกระทรวง ซึ่งจะทำให้การแก้ปัญหายิ่งล่าช้า ทำให้ประชาชนต้องอยู่ในความเดือดร้อนนานออกไปอีก ดังนั้น สิ่งที่คุณหญิงสุดารัตน์พูด ผมไม่แน่ใจว่า เป็นการเสนอเพราะไม่รู้ หรือรู้อยู่เต็มอกดีอยู่แล้ว แต่พูดเพราะต้องการสร้างคะแนนนิยมเท่านั้น โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงใดๆ เลย ซึ่งถ้าหวังแค่จะสร้างคะแนนนิยม นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด แต่ทำได้หรือเปล่าไม่รู้ เพราะยังไม่ได้ศึกษาข้อเท็จจริงนั้น ก็อยากจะขอร้องว่า อย่าเสนออะไรที่จะยิ่งทำให้ประชาชนสับสนมากไปกว่านี้อีกเลย อย่างไรก็ตาม ขอให้คุณหญิงสุดารัตน์สบายใจได้ว่า นโยบายพลังงานของท่านนายกฯ นั้น จะเป็นการพลิกโฉมประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืน” นายธนกร กล่าว