ตามตำราโหราศาสตร์วันนี้ ดาวพฤหัส จะเคลื่อนออกจาก ดาวเสาร์ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิต มีทั้งดีและไม่ดี ในทางการเมืองก็จะเกิดการแตกแยก เช่นที่ วันชัย สอนศิริ ส.ว.ที่มาเอาดีในการทำนายดวงเมือง ฟันธงเอาไว้ว่าจากนี้ไป การเมืองจะถึงเวลาแบ่งข้างกันชัดเจน ต่างคนต่างอยู่ต่าง คนต่างไป แยกย้ายทางใครทางมัน พรรคร่วมรัฐบาลก็จะแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง

และเปรยๆเอาไว้ด้วยว่าเดือน พ.ค.ปีหน้าอาจถึงกับต้องเลือกตั้ง

ดวงก็เรื่องของดวง ไม่ต้องไปวิตกฤอะไรมากมาย เมื่อถึงเวลาอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด การเมืองไทยยุคนี้คาดเดาอะไรยาก ที่คิดว่าจะอยู่นานกลับอยู่สั้น ที่คิดว่าจะอยู่แป๊บเดียว อยู่ซะยืดยาว เอาเป็นว่า วันนี้ 11 เดือน 11 เป็นวันที่เหมาะจะโปรโมตขายของ ช็อปปิ้งออนไลน์ ฤกษ์งามยามดี ปัง ปัง เฮง เฮง สบายใจดี

ความเคลื่อนไหวทางการเมือง บางทีก็ทำให้ต้องคิดตาม ที่ว่า การเลือกตั้ง จะมีขึ้นในเดือน พ.ค. หรือ มิ.ย.ปีหน้ามีทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ที่ว่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ก.-ส.ข. ผู้ว่าฯ กทม. ผู้ว่ามหานคร อาจมีก็ได้ไม่มีก็ได้ หรือ การเลือกตั้ง อบต. อาจจะเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็อาจจะเว้นว่างการเลือกตั้งไปเป็นปีก็ได้

ขึ้นอยู่กับสถานการณ์กำหนด

คนที่มีดาบอยู่ในมือจะฟันอะไรก็ต้องบวกลบดูแล้วต้องชนะ คงไม่ยอมเสียมวยง่ายๆ การลงพื้นที่ของแกนนำพรรคการเมืองเปิดตัวผู้สมัคร โดยเฉพาะพรรครัฐบาลคงได้กลิ่นอะไรบางอย่าง พรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายบริหาร ถ้าอยู่ในสภาพของการหวาดระแวงทั้งในพรรคนอกพรรค ก็คงไม่สบายตัว จะเอากฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภาแต่ละครั้งโดยเฉพาะกฎหมายของรัฐบาลก็ต้องมั่นใจว่าจะผ่านร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลอาจตายน้ำตื้นได้ง่ายๆ

...

ยิ่งรัฐบาลเร่งนโยบายประชานิยม แจกกับแจก ก็ยิ่งอดคิดไม่ได้ว่า มีสัญญาใจอะไรกันไว้หรือไม่ ทนอยู่กันไปจนกว่า กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย พรรคการเมืองและการเลือกตั้ง จะเรียบร้อย จากนั้นค่อยมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ ว่ากันตามกติกาสากล ถ้าจริง การเลือกตั้งน่าจะมีขึ้นในเดือน พ.ค.-มิ.ย.ปี 2565 ตามกรอบเวลา

นโยบายประชานิยมเที่ยวนี้จะใช้ได้ผลหรือไม่ เป็นอีกเรื่อง เพราะบังเอิญว่าชาวบ้านฉลาดขึ้น เช่น กระทรวงพาณิชย์ คุยว่าส่งออกได้มาก แก้ไขปัญหาปาล์ม ได้ราคาสูงขึ้นจากราคาประกัน กิโลละ 4 บาท ราคาปาล์มในตลาดขึ้นไปเป็น 9 บาทกว่า เป็นเพราะบริหารจัดการดี ส่งออกได้มากขึ้น ห้ามมีการนำเข้าปาล์มจากต่างประเทศ

ดูด้านเดียวดูเหมือนจะดี การประกันราคาปาล์มน้ำมันจะทำให้ กระทรวงการคลังต้องควักเงินอีกเท่าไหร่ แค่ประกันราคาข้าวนาปีก็ต้องใช้เงินไม่น้อยกว่า 8 หมื่นล้านบาท งวดแรกต้องจ่าย 2 พันกว่าล้านบาท เงินจะเอามาจากไหน ก็เอามาจากภาษีและจากการกู้ ไม่ต่างจากอัฐยายซื้อขนมยาย การห้ามนำเข้าแต่ไม่ห้ามส่งออก พ่อค้าส่งออกปาล์มไปขายต่างประเทศราคาดีกว่า สุดท้ายก็ต้องมาขึ้นราคาตามกลไกตลาด ปาล์มดิบแพงส่งให้ราคาน้ำมันพืชแพง อาหารแพง ชาวบ้านก็ต้องควักกระเป๋าซื้อของแพงกิน จะมาคุยว่าเป็นผลงานรัฐบาล ฟังดูกระดากชอบกล

ในเมื่อคนที่แบกภาระตกอยู่กับชาวบ้านตาดำๆอยู่ดี.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th