“พล.อ.ประยุทธ์” กำชับพาณิชย์ดูแลปัญหาราคาข้าวตกต่ำ เร่งบรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกร ขณะ ธ.ก.ส. เตรียมโอนเงินให้ชาวนาโครงการประกันรายได้ งวดแรก 9 พ.ย.นี้

วันที่ 5 พ.ย. 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้นิ่งนอนใจ กรณีพี่น้องชาวนาร้องเรียนว่าราคาข้าวตกต่ำจนถูกกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โดยได้กำชับกระทรวงพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เร่งหาแนวทางว่าจะแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือเกษตรกรอย่างไร พร้อมกันนี้ เข้าใจดีว่าพี่น้องชาวนาได้รับผลกระทบหลายด้านทั้งจากโรคโควิด-19 น้ำท่วม และราคาข้าวตกต่ำ จึงต้องหาทางบรรเทาความเดือดร้อนโดยเร็ว

สำหรับราคาข้าวที่ลดต่ำลงในช่วงนี้มาจากปัจจัยหลายด้าน เช่น การส่งออกข้าวไปต่างประเทศและการบริโภคในประเทศที่ลดลง ปริมาณฝนตกชุกและปัญหาน้ำท่วมส่งผลต่อคุณภาพข้าว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์รายงานว่าขณะนี้เริ่มมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศมากขึ้นในช่วง 6 เดือนหลัง ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันข้าวไทย คาดว่าปีนี้จะส่งออกได้ราว 6 ล้านตัน ตามที่ตั้งเป้าไว้ ประกอบกับความต้องการบริโภคในประเทศสัญญาณดีขึ้นจากการเปิดประเทศ สถานการณ์น้ำท่วมที่เริ่มคลี่คลายลง และมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์เข้าไปแก้ไขปัญหา จะช่วยให้ราคาข้าวเปลือกในตลาดดีขึ้นเป็นลำดับ ล่าสุด ธ.ก.ส. แจ้งว่าระบบจะสามารถโอนเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในโครงการประกันรายได้ งวดแรกในวันที่ 9 พ.ย. นี้

...

นายธนกร ยังกล่าวต่อไปถึงมาตรการดูแลพี่น้องชาวนามีทั้งโครงการประกันรายได้ปี 2564/65 โดยกำหนดราคาข้าวเปลือกที่ความชื้นไม่เกิน 15% เช่น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท รวมทั้งยังมีมาตรการคู่ขนานเหมือนกับปีก่อนโดยให้เกษตรกรรวบรวมจัดเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง ซึ่งจะได้รับค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท และรับซื้อข้าวเปลือกกับสหกรณ์และโรงสีเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง โดยชดเชยดอกเบี้ย 3% ระยะเวลา 2-6 เดือนสำหรับโรงสี และ 1 ปีสำหรับสหกรณ์

นอกจากนี้ กรมการค้าภายในยังได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการนอกพื้นที่เข้าไปช่วยรับซื้อข้าวเหนียวในพื้นที่ภาคเหนือ 7 จังหวัด ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2564 และอนุมัติโครงการตลาดนัดข้าวเปลือกให้มีผู้รับซื้อเข้าไปแข่งขันรับซื้อในพื้นที่ที่มีผู้รับซื้อไม่เพียงพอกับผลผลิต เพื่อให้เกิดการแข่งขันและราคาใน 19 จังหวัดด้วย.