เขียนถึงปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ และอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนคนใหม่ไปเมื่อวานนี้ ก็ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า อีกไม่กี่วันข้างหน้าเดือนกันยายนอันเป็นเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2564 ก็จะผ่านไป
ในขณะที่เดือนตุลาคมซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณใหม่ 2565 ก็จะคืบคลานเข้ามา
ถือเป็นธรรมเนียมของข้าราชการประจำที่มีอายุครบ 60 ปี จะต้องเกษียณอายุอำลาจากตำแหน่งต่างๆ และอำลาจากชีวิตราชการประจำ เพื่อรับบำเหน็จหรือบำนาญแล้วแต่จะเลือก
พร้อมๆกันนั้น ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ก็จะเข้ารับตำแหน่งที่ว่างลง เพื่อขับเคลื่อนระบบราชการให้เดินไปข้างหน้าต่อไป
หลายๆปีมาแล้วผมเคยเขียนเตือนข้าราชการที่จะเกษียณอายุให้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะออกไปใช้ชีวิตใหม่ในโลกใบใหม่
เพราะจะเป็นโลกที่เหงาหงอยและว้าเหว่พอสมควร สำหรับคนที่เคยทำงานและอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจวาสนามาก่อน
ผมก็จะเขียนแนะนำผ่านคอลัมน์นี้ว่า วิธีแก้เหงายามเกษียณมีอะไรบ้าง? อะไรที่ควรทำและอะไรที่ อย่าหาทำ
แต่พอได้อ่านข่าวการ “ฝากงาน” ของท่านอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนเก่าต่อท่านอธิบดีใหม่ดังที่นำมาเขียนเล่าไว้เมื่อวานนี้
ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า ควรจะใช้โอกาสในช่วงเวลาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในระดับต่างๆของข้าราชการประจำในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้... เขียนให้กำลังใจและ “ฝาก” ท่านทั้งหลายที่จะมารับงานใหม่จะดีเสียกว่า เขียนถึงผู้ที่ปลดเกษียณไปแล้ว
เพราะท่านเหล่านี้จะยังอยู่กับระบบราชการต่อไป และยังจะต้องรับผิดชอบงานเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนตามภารกิจของกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆต่อไป
ผมมีความเชื่อมาตลอดว่า ระบบราชการและข้าราชการประจำคือเสาหลักเสาหนึ่งของประเทศ และมีส่วนอย่างสำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยเราจากประเทศยากจนเมื่อ 60 ปีก่อนจนสามารถขยับฐานะขึ้นมาเป็นประเทศรายได้ปานกลางขั้นสูงเช่นทุกวันนี้
...
เราอาจจะได้ยินได้ฟังว่าระบบราชการแย่อย่างโน้นอย่างนี้ หรือคอร์รัปชันในเรื่องนั้นในเรื่องนี้...ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงและเป็นความจริงที่ควรแก่การแก้ไข หรือที่เราใช้คำหรูๆกันว่า “ควรปฏิรูป”
แต่ในความอ่อนนั้น ก็มีความแข็งอยู่มากในหลายๆประเด็น เพราะในระบบราชการอันกว้างใหญ่ไพศาล และจำนวนข้าราชการอันมากมายนั้น เรายังมีของดีๆ และคนดีๆมากกว่าคนชั่วๆ
ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งระบบราชการของเรารวบรวมเอาคนเก่งของประเทศมาไว้้เกือบทั้งหมด ทำให้ระบบราชการสามารถขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศได้อย่างรวดเร็ว
ยุคต่อมาเมื่อภาคเอกชนเติบโตขึ้นอาจจะแย่งบุคลากรเก่งๆจากภาคราชการไปมาก...แต่คนที่ยังอยู่ในระบบราชการก็ยังมิได้ด้อยเกินไปนัก หลังจากมีการปรับปรุงลดช่องโหว่ในเรื่องนี้ด้วยโครงการช้างเผือกต่างๆ ที่ริเริ่มโดย ก.พ.บ้าง หรือของแต่ละกระทรวงเองบ้าง
แม้ในยุคปัจจุบันนี้ เท่าที่ผมติดตามแนวความคิด และนโยบายตลอดจนวิธีทำงานของกระทรวงสำคัญๆทางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ผมพอมีความรู้และมีประสบการณ์มาบ้าง ผมก็พบว่าแนวความคิดของทางราชการมิได้ “เชย” หรือล้าหลังแต่อย่างใดเลย
แน่นอนในยุคที่เราปรับตัวเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ย่อมจะมีแนวความคิดในการพัฒนาประเทศจากพรรคการเมือง และจากนักการเมือง เข้ามามีอิทธิพลอยู่บ้าง
แต่ดูไปแล้ว “ทิศทางหลัก” ที่จะเดินไปข้างหน้า...ก็ยังถูกกำหนดโดยภาคราชการประจำเป็นส่วนใหญ่เหมือนเดิม
ข้าราชการประจำจึงยังคงมีความสำคัญและยังคงเป็นเสาหลักของประเทศต่อไป...ดังที่เคยเป็นมาในอดีต และจะเป็นต่อไปในวันข้างหน้า
ผมจึงขอถือโอกาสในช่วงเวลาที่เรากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงของฝ่ายข้าราชการประจำในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ เขียนต้อนรับ...ให้กำลังใจ...แก่ท่านที่จะมารับตำแหน่งใหม่ทุกท่าน
พร้อมกับขอฝากงานเพื่อประชาชน เพื่อประเทศชาติในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของท่านไว้ด้วย
ได้ตำแหน่งใหญ่เป็นอธิบดี เป็นปลัดกระทรวง เป็นเลขาธิการ ซี 10 ซี 11 กันแล้ว...อย่าลืมทำงานให้สมกับตำแหน่งด้วยนะครับ.
“ซูม”