มติคณะรัฐมนตรี ทุ่มงบกลางกว่า 500 ล้านบาท ให้กองทุนการออมแห่งชาติ เป็นค่าใช้จ่ายการเบิกจ่ายเงินสมทบให้กับสมาชิก ชี้ สมาชิกกองทุนโตต่อเนื่องกว่า 2.4 ล้านคนแล้ว

วันที่ 22 ก.ย. 2564 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ (21 กันยายน 2564) ว่า ครม.อนุมัติงบกลางปี 2564 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวม 505.39 ล้านบาท ให้แก่กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายการเบิกจ่ายเงินสมทบให้กับสมาชิก กอช. ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564-กันยายน 2565 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เนื่องจากในช่วงปี 2561-2564 มีอัตราการเติบโตของสมาชิกและการนำเงินส่งออมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 มีสมาชิกรวม 6.1 แสนคน และในปี 2564 มีสมาชิกเพิ่มมากขึ้นเป็น 2.44 ล้านคน ทำให้ในปี 2565 คาดว่ารัฐจะต้องจ่ายเงินสมทบประมาณ 805.39 ล้านบาท ซึ่ง กอช.ได้รับจัดสรรงบประมาณปี 2565 แล้ว 300 ล้านบาท จึงเสนอขอจัดสรรงบเพิ่มเติมดังกล่าว

กองทุนการออมแห่งชาติ จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการออมทรัพย์ของสมาชิกและประกันการจ่ายบำนาญเมื่อสมาชิกมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินสมทบให้กับผู้ที่นำส่งเงินออมตามระดับอายุของผู้เป็นสมาชิก และเป็นอัตราส่วนกับจำนวนเงินสะสม เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับสมาชิก ดังนี้

1) ช่วงอายุของสมาชิก 15-30 ปี รัฐสมทบร้อยละ 50 ของเงินสะสม แต่ไม่เกิน 600 บาทต่อปี
2) ช่วงอายุของสมาชิกมากกว่า 30-50 ปี รัฐสมทบร้อยละ 80 ของเงินสะสม แต่ไม่เกิน 960 บาทต่อปี
3) ช่วงอายุของสมาชิกมากกว่า 50-60 ปี รัฐสมทบร้อยละ 100 ของเงินสะสม แต่ไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี

“รัฐบาลได้กำหนดให้การออมเป็นวาระแห่งชาติ ท่านนายกรัฐมนตรีกล่าวในหลายโอกาสว่า อยากให้คนไทยทุกช่วงวัย เห็นคุณค่าของการออม ซึ่งถือเป็นการวางแผนชีวิตในระยะยาวสำหรับทุกคน เพื่อสร้างหลักประกันด้านรายได้ มีเงินพอใช้ในการดำเนินชีวิตในช่วงสูงอายุ และยามจำเป็น แม้เวลานี้เราจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รายได้ลดลง ก็ขอให้คำนึงถึงการออมเพื่อบั้นปลายชีวิตด้วย กอช.เป็นอีกหนึ่งกลไกที่ช่วยสร้างวินัยการเงินกับเยาวชนและประชาชนทั่วไป ให้ผลตอบแทนที่ดีมาก และเป็นหน่วยงานที่มีความมั่นคง” นางสาวรัชดา กล่าว.

...