"จุรินทร์" เมิน ภูมิใจไทยไม่ร่วมอภิปรายร่างแก้รัฐธรรมนูญ ชี้เป็นอีกเรื่องจะทบทวนการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ย้ำ จุดยืนเดิมแก้ไขเพื่อความเป็นประชาธิปไตย ใช้ 50 เสียงที่มีอย่างเต็มที่

วันที่ 24 ส.ค. 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงการที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่...) พ.ศ.... ( แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง) ที่มีการทบทวนและปรับออก 4 มาตรา ว่า ต้องเป็นไปตาม กมธ. ที่มีการพิจารณา เมื่อ กมธ. เสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไร โดยที่ไม่ได้ขัดกับหลักการที่รับไป ก็สนับสนุนได้ ประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุน และไม่เฉพาะที่จะสนับสนุนความเห็นในชั้น กมธ. แต่ก็พร้อมที่จะลงมติให้ผ่านในวาระที่ 3 ด้วย เพราะต้องถือว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นจุดยืนสำคัญจุดยืนหนึ่งของพรรค ที่ได้ประกาศมาตั้งแต่ต้นว่า อยากเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และร่างที่ผ่านมาแม้จะเป็นร่างเดียวของพรรคที่ผ่านก็ตาม ซึ่งเดิมใช้ระบบบัตรใบเดียวเท่ากับจำกัดเสรีภาพในการที่จะแยกเลือกคนกับพรรคออกจากกัน เพราะต้องไปเลือกรวมกัน ก็ให้แยกเป็นบัตรสองใบ ใบหนึ่งเลือกคน ใบหนึ่งเลือกพรรค ก็เท่ากับเปิดเสรีภาพให้ประชาชนมากขึ้น นั่นคืออย่างน้อยก็ให้สิทธิ เสรีภาพประชาชนในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ผู้แทนราษฎรไปเลือกรัฐบาล หรือไปตั้งรัฐบาลมาบริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์ประชาชนอีกชั้นหนึ่ง

ส่วนกรณีที่ พรรคก้าวไกลมองว่าร่าง รธน. ฉบับนี้ เป็นร่างที่ไม่สมบูรณ์ และขัดกับหลักการ อาจนำไปสู่การไม่สามารถทำให้เกิดแก้ไขได้นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า สุดแล้วแต่จะมอง แต่สำหรับตนเองก็มั่นใจว่าเป็นไปตามหลักการถูกต้องทั้งรัฐธรรมนูญและข้อบังคับทุกประการ สามารถดำเนินการได้ และความเห็นของฝ่ายกฎหมายรัฐสภา ความเห็นกฤษฎีกาเท่าที่เคยตรวจสอบก็สอดคล้องกันว่าสามารถดำเนินการได้

...

ขณะที่มีการมองว่าเป็นการแก้เพื่อ 3 พรรคการเมืองใหญ่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ต้องดูภาพรวม ถ้าไปมองเฉพาะพรรค ว่าพรรค 1-2-3-4-5 ก็เป็นเรื่องยากที่จะหาจุดในการพิจารณาตัดสินใจได้ แต่ถ้าถือประโยชน์ส่วนรวม จุดของความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ก็คิดว่าตัดสินใจได้ไม่ยาก เพราะมีคำตอบในตัวของมันอยู่แล้ว และประชาธิปัตย์ก็ถือหลักนี้

ทั้งนี้ หากการแก้รัฐธรรมนูญไม่สามารถไปต่อได้ จะมีการทบทวนการร่วมรัฐบาลหรือไม่อย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นอีกกรณีหนึ่ง แต่กรณีของจุดยืนที่ต้องการให้มีการแก้รัฐธรรมนูญนั้น เรื่องนี้ประชาธิปัตย์ไม่เปลี่ยน ส่วนที่พรรคภูมิใจไทยออกมาย้ำจุดยืนว่าจะไม่ร่วมอภิปรายในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ก็สุดแล้วแต่พรรคภูมิใจไทย ส่วนตัวคงไม่ไปกะเกณฑ์พรรคการเมืองอื่น จุดยืนเป็นอย่างไรก็สุดแล้วแต่ แต่ประชาธิปัตย์ยืนยันชัดเจนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น

"การที่รัฐธรรมนูญจะผ่านได้นั้น เสียงส่วนใหญ่จะต้องเห็นพ้องกัน คือ 1. พรรคร่วมรัฐบาล 2. ฝ่ายค้าน ที่จะต้องมีไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 3. วุฒิสมาชิก ที่จะต้องมีไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 แต่ถ้าเกิดรัฐธรรมนูญไม่ผ่านด้วยเหตุผลกลไกใดกลไกหนึ่งไม่สนับสนุน หรือสนับสนุนแต่เสียงไม่พอ เรื่องนี้แต่ละกลไกก็ต้องอธิบาย ลำพังประชาธิปัตย์ก็คงจะไม่สามารถที่จะไปดำเนินการให้มันได้ครบถ้วนทั้งหมด เพราะเราก็มีข้อจำกัด ซึ่งข้อจำกัดประชาธิปัตย์ก็คือ เรามีแค่ 50 เสียง เพราะฉะนั้นเราก็ใช้ 50 เสียงเท่าที่มีอยู่จำกัดนี้ทำหน้าที่ของเราสุดความสามารถแล้ว และสามารถที่จะบอกกับประชาชนได้ว่าเราทำอะไรบ้าง แล้วเราทำสุดความสามารถแล้วอย่างไร และยืนหยัดจนนาทีสุดท้ายอย่างไร" นายจุรินทร์ กล่าว.