การบริหารที่ผิดพลาดอาจพาการแก้ปัญหาวิกฤติไปสู่ทางตัน นายพลตำรวจวัยเกษียณฝากข้อเสนอแนะเพิ่มเติมให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่กุมอำนาจไว้เต็มมือ
นอกจาก “ล็อกดาวน์” โรงงานสถานประกอบการทุกแห่งใน “ชุมชนแออัด” อีกคลัสเตอร์ใหญ่ต้องใช้แนวทางการแก้ปัญหาเช่นเดียวกัน
เริ่มตั้งแต่แยกผู้ป่วยออกจากที่พักในชุมชน ใช้ศาลาการเปรียญของวัดที่ใกล้และมีความพร้อมตามชุมชนนั้นเป็น “โรงพยาบาลสนาม”
ขณะที่วัดต่างๆต้องช่วยเหลือจัด “ปัจจัย 4” ให้ประชาชนที่ถูก “กักตัว” ครบถ้วนแบบเดียวกับมาตรการคุมโรงงานสถานประกอบการ
เมื่อสามารถดำเนินการแก้ปัญหาให้ “ตรงจุด” มั่นใจได้เลยว่า ตัวเลขจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจะลดลง
ภาครัฐจะต้องเข้าไปช่วยเสริมและสนับสนุนทันที เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงประเด็น
เจ้าตัวบอกต่อว่า หากจะให้การดำเนินการได้ผลเพิ่มมากยิ่งขึ้น หลักสำคัญอยู่ที่ “การจัดหาวัคซีน”
ประเภทสถานประกอบการให้เจ้าของผู้ประกอบการจัดซื้อวัคซีนใช้กับแรงงานของตัวเอง มีรัฐบาลต้องสนับสนุนอย่างเต็มที่ ไม่ใช่มีปัญหากับภาคเอกชนอย่างเช่นที่ผ่านมา
สำหรับของประชาชนคนไทยจาก “ชุมชนแออัด” รัฐบาลต้องจัดวัคซีนให้เพียงพออย่างด่วนที่สุด
ต้องยอมรับว่า ประชาชนคนไทย “เบื่อหน่าย” ไม่คิดว่าเหตุการณ์วิกฤติจะเกิดขึ้นลุกลามไปทั่ว เพราะมีแต่พวกจ้องแสวงหาผลประโยชน์จากสถานการณ์โควิด เอาชีวิตชาวบ้านเป็นเดิมพัน
รัฐบาลต้องกล้าพอที่จะกำจัดบุคคลที่เป็นปัญหาออกไปให้หมดด้วย.
...
สหบาท