มาตรการตรวจสอบรัฐบาลที่สำคัญอย่างหนึ่ง ผ่านไปอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ของสภาผู้แทนราษฎร ในวาระ 2 และ 3 หลังจากที่เปิดโอกาสให้ ส.ส.ฝ่ายค้าน ได้อภิปรายอย่างเคร่งเครียดติดต่อกันหลายวัน ในที่สุดก็ผ่านความเห็นชอบของเสียงข้างมาก
พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี เป็นกฎหมายที่สำคัญอย่างยิ่ง ในการบริหารประเทศ ถ้าร่าง พ.ร.บ.ไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา ต้องถือเป็นเรื่องใหญ่ รัฐบาลจะต้องลาออก เพราะถือว่าไม่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐสภาให้บริหารประเทศต่อไป หรือมิฉะนั้น ก็ต้องยุบสภา เพื่อให้ประชาชนตัดสินในการเลือกตั้งใหม่
ปีงบประมาณรายจ่าย 2565 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 รัฐบาลตั้งงบไว้ 3.1 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงบรายจ่ายประจำ เช่น เงินเดือนและสวัสดิการต่างๆของข้าราชการ เป็นงบใหม่ๆเพื่อพัฒนาประเทศเป็นส่วนน้อย เป็นไปตามหลักการปกครองโดยรัฐราชการรวมศูนย์
งบประมาณที่ถูก ส.ส.ฝ่ายค้านรุมเล่นมากที่สุด ได้แก่ งบของกระทรวงสาธารณสุข ผู้รับผิดชอบโดยตรงในการป้องกัน และขจัดโควิด ประเด็นที่ถูกโจมตีมากสุดคือการจัดหาและการฉีดวัคซีน ซึ่งโดนสัมมนาตั้งแต่ต้นว่าช้าไป น้อยไป แทงม้าตัวเดียวไม่หลากหลาย ขาดปริมาณ ด้อยคุณภาพ จนถึงวัคซีนวีไอพี วัคซีนเหลื่อมล้ำ
ที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง คือการที่นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โจมตีนโยบายพลังงาน ของกระทรวงพลังงาน โดยมีว่าประเทศไทยมีพลังงานแสงอาทิตย์ต้นทุนต่ำเหลือเฟือ แต่กระทรวงพลังงานชอบพลังงานนำเข้า ราคาแพง ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถูกโจมตีปัญหาน้ำ และราคาพืชผลตกต่ำ
ไม่มี ส.ส.ฝ่ายค้านคนใด พูดถึงปัญหาข้าวไทย ที่สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน สูญเสียตลาดข้าวโลก และเสียแชมป์โลก ผู้ส่งข้าวออกมากที่สุด ที่ครองมาหลายปี ข้าวหอมมะลิไทยยังสูญเสียความเป็นข้าวหอมชั้นหนึ่งของโลก เพราะขาดการวิจัยและพัฒนาใหม่ๆ มุ่งหน้าปั่นราคาลูกเดียว
...
เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อัดตัดงบโครงการพัฒนาเมืองเมียวดีของพม่า เพราะเห็นว่าเป็นการส่งสัญญาณให้โลกรู้ ไทยให้คุณค่าระบอบประชาธิปไตย หรือเผด็จการ เมื่อเร็วๆนี้ ตำรวจอเมริกันจับกุมผู้ต้องสงสัย เป็นมือปืนรับจ้างฆ่าทูตพม่าประจำยูเอ็น สารภาพว่าผู้จ้างวานคือพ่อค้าอาวุธในไทย.