"ราเมศ" ยืนยัน ประธานรัฐสภาไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม ม.157 หลังเจ้าอาวาสวัดพันอ้น แจ้งความจับปม ไม่ออกกฎหมายคุ้มครองพุทธศาสนาตามที่รัฐธรรมนูญ ม.67 บัญญัติไว้

วันที่ 9 ส.ค.2564 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการประธานรัฐสภา ได้กล่าวถึงกรณีที่พระครูอมรธรรมทัต เจ้าอาวาสวัดพันอ้น ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สมคิด ภูสด พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ให้ดำเนินคดีกับ นายชวน หลีกภัย ประธานสภารัฐสภา รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทุกคน ในความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เนื่องจากไม่มีการออกกฎหมายคุ้มครองพุทธศาสนาตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 67 ได้บัญญัติไว้ ว่า ในฐานะฝ่ายกฎหมาย เรื่องดังกล่าวไม่ได้มีความกังวลใจแต่อย่างใด เข้าใจเจตนาของเจ้าอาวาสที่ต้องการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในส่วนของการเสนอร่างกฎหมาย กรณีนี้หลักการที่ถูกต้องในส่วนของอำนาจหน้าที่ของประธานรัฐสภา ชัดเจนว่าไม่มีข้อเท็จจริงใดที่จะนำไปสู่ความผิดได้เลย ประธานรัฐสภายึดมั่นในการทำหน้าที่แบบตรงไปตรงมา บนหลักการของความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับ กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด วางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่สำหรับการกำกับดูแลกิจการของรัฐสภาและสภาผู้แทนราษฎร

ด้งนั้นการเสนอหรือการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับใดย่อมเป็นดุลพินิจของฝ่ายบริหาร หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส่วนสมาชิกวุฒิสภาไม่มีสิทธิเสนอร่างพระราชบัญญัติแต่อย่างใดในการเสนอร่างพระราชบัญญัติ โดยเฉพาะถ้าเป็นร่างพระราชบัญญัติที่อยู่ในหมวดแนวนโยบายแห่งรัฐ ซึ่งเป็นแนวทางในการตรากฎหมายหรือการบริหารราชการแผ่นดินของฝ่ายบริหาร จึงเป็นดุลพินิจในการพิจารณาความเหมาะสมของฝ่ายบริหาร เป็นดุลยพินิจของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเสนอร่างพระราชบัญญัติแต่ละเรื่อง ประธานรัฐสภาไม่สามารถไปก้าวล่วง หรือสั่งการให้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติฉบับใดได้เลย

...

นายราเมศกล่าวต่อว่า ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เจ้าอาวาสวัดพันอ้นได้มีหนังสือขอให้เร่งรัดการตราร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. .... ต่อรองประธานสภาฯ คนที่สอง ซึ่งรองประธานสภาก็ต้องวางตนเป็นกลางในการทำหน้าที่เช่นเดียวกันและได้มีดำริให้เสนอต่อคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ ตามกระบวนการของระบบรัฐสภา คณะกรรมาธิการการศาสนาฯ พิจารณาความเหมาะสมในการดำเนินการ ซึ่งเจ้าอาวาสก็ได้มีหนังสือเสนอไปยังคณะกรรมาธิการด้วยแล้วโดยผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมพุทธศาสนิกชนในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพุทธศาสนา พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมาธิการได้พิจารณายกร่างและเสนอต่อรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มีสาระสำคัญทำนองเดียวกับร่างฉบับที่ท่านเจ้าอาวาสวัดพันอ้นเสนอมา

นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า เชื่อว่าเจ้าอาวาสจะเข้าใจหากได้ทราบข้อเท็จจริง และไม่ได้มีความกังวลใจต่อการแจ้งความประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 และยืนยันว่าประธานรัฐสภาไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด แต่ทั้งหมดเมื่อไปดำเนินการแจ้งความไว้แล้วก็เป็นเรื่องของขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม.