“บิ๊กตู่” ประกาศเสียสละไม่รับเงินเดือน 3 เดือนยกยอด ช่วยสู้โควิด-19รัฐมนตรีแห่เดินตามท่านผู้นำ ส.ว.ยึกยัก โชว์สปิริต “คำนูณ” อ้อมแอ้มหารือยังไม่ได้ข้อยุติ “ชวน” ชี้ยังไม่มี ส.ส.สมัครใจให้หักบริจาคป้องผู้แทนฯ ควักช่วยชาวบ้านมากกว่าอยู่แล้ว “อนุสรณ์” หยันนายกฯ เสียสละไม่พอ ต้องลาออก “ส.ส.เต้” ไล่ “ลุงตู่” ไปบวชไม่สึก ไถ่บาปทำคนไทยตายเป็นเบือ กระทุ้งเยียวยา 5 พันทุกอาชีพ เลิกซื้อวัคซีนซิโนแวค กมธ.ลุยรื้อรัฐธรรมนูญ พท.แปรญัตติปิดทาง ส.ส.ปัดเศษ พรรคเล็กดิ้นสู้ชงเปลี่ยนเกณฑ์แต้มขั้นต่ำคิด ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ร้อยละ 0.02 เล็งจับมือก้าวไกล-ภูมิใจไทยส่งศาล รธน.ตีความ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แสดงสปิริตประกาศเสียสละไม่รับเงินเดือน 3 เดือน เพื่อนำไปช่วยแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 โดยมีบรรดารัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลต่างรับลูกสนองนโยบายนายกฯ แต่ไม่อาจหยุดยั้งกระแสต่อต้านรัฐบาล พรรคฝ่ายค้านและภาคประชาสังคมยังคงกดดันเรียกร้องให้นายกฯลาออกจากตำแหน่ง เพื่อรับผิดชอบต่อการบริหารงานผิดพลาด

“บิ๊กตู่” สละเงินเดือน รมต.ตามแห่

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ก.ค.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุม ศบค.ครั้งที่ 9/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากบ้านพักกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) ว่า ขอไม่รับเงินเดือนเป็นเวลา 3 เดือน ให้นำเงินไปใช้ประโยชน์สำหรับแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ต่อมารัฐมนตรีทยอยแสดงความจำนงขอไม่รับเงินเดือนเช่นเดียวกับนายกฯ อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรฯ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ

...

พปชร.เอาด้วย–ปชป.โอ่คิดไว้แล้ว

ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า รัฐมนตรีของ พปชร.จะสละเงินเดือนเช่นเดียวกับนายกฯ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์คิดเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ทำอะไรต้องทำด้วยกัน เพราะจะไปล้ำหน้าดูไม่ดี ดังนั้นนายกฯริเริ่มรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์พร้อมปฏิบัติตามเป็นแนวทางเดียวกัน แม้ช่วยไม่ได้มากถือเป็นน้ำใจเปิดบัญชีเงินเดือนนายกฯ–รมต.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เงินค่าตอบแทนรายเดือนของนายกฯแบ่งเป็นเงินเดือน 75,590 บาท เงินประจำตำแหน่ง 50,000 บาท รวมเดือนละ 125,590 บาทจำนวน 3 เดือน 376,770 บาท รองนายกฯ เงินเดือน 74,420 บาท เงินประจำตำแหน่ง 45,000 บาท รวม 119,420 บาท 3 เดือน 358,260 บาท รมว.และ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เงินเดือน 73,240 บาท เงินประจำตำแหน่ง 42,500 บาท รวมเดือนละ 115,740 บาท 3 เดือน 347,220 บาท ส่วน รมช.เงินเดือน 72,060 บาท เงินประจำตำแหน่ง 41,500 บาท รวม 113,560 บาท 3 เดือน 340,680 บาท

ส.ว.อ้อมแอ้มคุยกันไม่ได้ข้อยุติ

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภานายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาเรียกหารือด่วนรองประธานวุฒิสภาและผู้แทนคณะ กมธ.กิจการวุฒิสภา หารือแนวทางทำงานหลัง ศบค.ประกาศมาตรการควบคุมโควิดเข้มข้นใน 10 จังหวัด และมีคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถาน นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.และโฆษก กมธ.กิจการวุฒิสภา กล่าวว่า การประชุมวันที่ 12-13 ก.ค.ลดให้เหลือวัน 12 ก.ค. การประชุมกมธ. อนุ กมธ. ให้งดทุกคณะตั้งแต่ วันที่ 12 ก.ค.จนครบ 14 วัน กรณี ครม.งดรับเงินเดือน 3 เดือน ที่ประชุมได้ยกมาหารือ แต่ไม่มีข้อยุติ เพราะเป็นการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ แต่นายพรเพชรจะนำไปหารือกับนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาอีกครั้งเพราะการงดรับเงินเดือนต้องคืนหลวง ก่อนหน้านี้วุฒิสภาเข้าใจจิตใจของประชาชนที่ประสบปัญหาได้ร่วมกันบริจาคเงินอยู่เป็นระยะให้กับมูลนิธิ องค์การการกุศล รวมถึงหน่วยงานในจังหวัดต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน

“ชวน” ชี้ยังไม่มี ส.ส.ให้หักเงินเดือน

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กล่าวว่า ได้ขออนุญาต ศบค.ประชุมสภาฯตลอดสมัยประชุมมาตั้งแต่ต้น แต่หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างไรต้องรอ ศบค.แจ้งมาอีกครั้ง หากยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงยังเดินหน้าประชุมต่อไป การล็อกดาวน์ กทม.และปริมณฑล 14 วัน จะกระทบการเดินทางของ ส.ส.หรือไม่ ต้องรอดูเหตุการณ์ก่อน สำนักงานเลขาธิการสภาฯได้ทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย ตนได้โทรศัพท์ไปประสานเองว่ากรณีห้ามเคลื่อนย้ายหรือห้ามเดินทาง ขอให้อนุมัติส.ส.เดินทางมาปฏิบัติภารกิจได้ ส่วนกระแสเรียกร้องให้ ส.ส.สละเงินเดือน 3 เดือนเหมือนนายกฯ เรื่องเงินเดือนแล้วแต่ ส.ส.สมัครใจ แต่ข้อเท็จจริงปกติค่าใช้จ่าย ส.ส.ทุกคนที่ใช้ช่วยเหลือชาวบ้านระหว่างโควิด-19 ระบาดมากกว่าที่จะให้หักเงินเดือนหลายเท่า แต่ถ้าใครพร้อมจะให้หักเงินเดือนก็ทำได้ เป็นเรื่องที่ดีที่ไม่ไปคาดคั้นเพราะอยู่ในโลกความเป็นจริง รู้ว่า ส.ส.จ่ายมากกว่าที่เราพูดถึงเรื่องหักเงินเดือน ของจริงถ้าใครไม่ดูแลประชาชนเวลานี้ ส.ส.คนนั้นจะมีปัญหา

“อนุสรณ์” ไล่บี้ยังดีไม่พอต้องลาออก

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,276 คน เสียชีวิต 72 ราย และมีแนวโน้มจะทำสถิตินิวไฮสูงขึ้นอีก จนภาคประชาชนเรียกร้องกดดันให้รัฐบาลยกระดับมาตรการเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นผู้ติดเชื้อรายใหม่อาจพุ่งทะลุ 10,000 คนต่อวัน ผู้เสียชีวิตทะลุ 100 รายต่อวันและ ผวจ.ปทุมธานี สละเงินเดือน 3 เดือน นำไปแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 นายกฯจึงขอประกาศสละเงินเดือนบ้าง นอกเหนือจากการประกาศสละเงินเดือน 3 เดือนแล้วสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องทำเร่งด่วนคือประกาศลาออกทันทีโดยไร้เงื่อนไข ก่อนวิกฤติจะเลวร้ายไปกว่านี้ ลำพังการสละเงินเดือน 3 เดือน เทียบไม่ได้เลยกับความสูญเสียที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างหนักมาตลอด ถ้านายกฯไม่บริหารจัดการแก้ไขผิดพลาดล้มเหลวซ้ำซาก ถ้าเร่งนำเข้าวัคซีนคุณภาพสูงมาฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าและประชาชน คงไม่วิกฤติลุกลามบานปลายถึงขั้นต้องล็อกดาวน์อีกครั้ง

เจ็บแล้วไม่จบรับผิดชอบยังไง

นายภณณัฏฐ์ ศรีอินทร์สุทธิ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ศบค.ประกาศมาตรการ จำกัดการเดินทางออกจากบ้านใน กทม.และปริมณฑลรวม 6 จังหวัด 14 วัน อ้างเพื่อหยุดการระบาดแค่พูดให้ดูดี ก่อนหน้านี้รัฐปิดแคมป์คนงานส่งผลให้เชื้อไวรัสกระจายไปทุกพื้นที่แล้ว เหมือนวัวหายแล้วแต่ไม่ล้อมคอก เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการ ศบค.ยอมรับว่ามีโอกาสที่ผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นถึง 10,000 คนต่อวัน สะท้อนการบริหารของนายกฯไร้ประสิทธิภาพ หมดปัญญาแก้ปัญหาแล้ว ทำวิกฤติให้เป็นหายนะครั้งใหญ่ของประเทศ หากล็อกดาวน์แล้วแก้ปัญหาไม่ได้ จะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไร เยียวยาเช่นไร

นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลไร้ความสามารถควบคุมการแพร่ระบาดจนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นเกือบหมื่นคนต่อวันแล้ว เกิดจากความล้มเหลวของรัฐบาล คนส่วนใหญ่ต้องหยุดงานขาดรายได้การล็อกดาวน์ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบของรัฐบาล ต้องมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือคนทำมาหากินไม่ได้

“เต้” เเนะช่วย 5 พัน–เลิกซื้อซิโนเเวค

ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์กล่าวถึงมาตรการของ ศบค.ว่า เมื่อล็อกดาวน์ให้ประชาชนอยู่บ้าน ห้ามเดินทางข้ามจังหวัดจะส่งผลกระทบต่อประชากร 16 ล้านคน ขอเสนอให้นายกฯจ่ายเงินเยียวยาอย่างน้อยเดือนละ 5 พันบาทเป็นเงินสดให้ทุกสาขาอาชีพ ใช้งบฯ 7.5 หมื่นล้านบวกชดเชยเยียวยาอื่นๆที่เกี่ยวข้องไม่เกิน 1.5 แสนล้าน ออกมาตรการให้สถาบันการเงินพักการชำระหนี้ผ่อนบ้านผ่อนรถ 3 เดือน ช่วยเหลือค่าสาธารณูปโภค อย่าไปตัดน้ำ ตัดไฟ ผู้ประกันตนตามมาตรา 33,39,40 ให้ หยุดจ่ายเงินสมทบ 3 เดือน วัคซีนอยากให้หยุดสั่งซื้อซิโนแวค แต่เร่งรัดนำเข้าไฟเซอร์ โมเดอร์นา และ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันโดยด่วน ต้องฉีดให้ทั้งคนไทยและต่างด้าว จึงต้องสั่งซื้อเข้ามา 240 ล้านโดส

ไล่บวชไม่สึกไถ่บาปคนตายเป็นเบือ

นายมงคลกิตติ์กล่าวอีกว่า มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากและเสียชีวิตสะสมกว่า 2,500 คน มากกว่าสงครามปราบคอมมิวนิสต์ ทั้งที่น่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอีกหลายปี หลายครอบครัวพ่อ แม่ ต้องเสียชีวิตจากโควิด-19 จึงขอเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาอุปสมบทเข้าไปอยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ บวชไม่สึกจนกว่าจะสิ้นลมหายใจชดเชยบริหารประเทศทำให้ประชาชนตายก่อนวัยอันควร บาปกรรมจะได้ลดทอนไม่ติดไปจนถึงชาติหน้า จะใส่บาตรให้ 99 วันเพราะเกรงจะไม่มีคนไปใส่บาตรให้ ส่วนนายกฯคนต่อไปใครก็ได้รับรองดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์แน่นอน ส่วนที่นายกฯและ ครม.สละเงินเดือน 3 เดือน คงไม่บริจาคร่วมด้วยกลัวชาติหน้าจะเกิดมาเจอกันอีกไม่ไหว ขอทำบุญแยกดีกว่า รอบก่อนบริจาคเงินเดือนเข้าระบบ 4 เดือน 4 แสนบาท และอีก 3 เดือนซื้อของบริจาคอีก 3 แสนบาท รวม 7 เดือน และตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชน บริจาคสิ่งของทุกสัปดาห์สัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะทำไปเรื่อยๆ เพราะเป็นหน้าที่ ส.ส.

“โรม” สุดทนสับบ้อท่าก็ไปให้พ้น

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ประชาชนจะตายกันหมดในวิกฤตินี้อยู่แล้ว ไม่มีฝีมือในการทำงานก็ช่วยมีสำนึกพอที่จะลาออกไปบ้างเถอะ” โดยสรุปมาตรการ ศบค.เคาะมาแทบจะเป็นล็อกดาวน์ แต่เลี่ยงคำว่าล็อกดาวน์ การเยียวยายังคงไม่มีรายละเอียดชัดเจน ไม่มีข่าวสารหรือเสียงประชาชนเล็ดลอดเข้าไปถึงหูบ้างเลยหรืออย่างไร ถึงได้ทำแค่งดรับเงินเดือน 3 เดือน และออกมาตรการควบคุมไม่ออกมาตรการเยียวยา รู้ไหมว่าชาวไทยกำลังทยอยป่วย ทยอยตายเป็นใบไม้ร่วง เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังระงมไปทั่วประเทศ ทำได้แค่นี้ยังมีหน้าอยู่ในตำแหน่งกันต่อได้อย่างไร พวกท่านมันไม่มีหัวใจ ไม่มีฝีมือ ไม่มีสมอง ไม่มีความเป็นผู้นำ ไม่มีวิสัยทัศน์ แค่คาดหวังจิตสำนึกหรือคาดหวังความเป็นคนยังไม่ได้อีกหรือไง ลาออก แล้วไปให้พ้นๆ อย่ามาให้พวกเราผู้แทนประชาชนเห็นหน้าอีก ถ้าเจอกันในสภารอบหน้า ต่อให้ประธานปิดไมค์ จะตะโกนคอยดูแล้วกัน#ออกไป #ไม่มีฝีมือก็ช่วยมีความเป็นคนบ้าง

ก้าวไกลทวงเงินเยียวยาอยู่ไหน

น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การขอความร่วมมือแบบนี้ รัฐจะไม่ต้องรับผิดชอบจ่ายค่าเยียวยาใดๆ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะทำอะไรบ้าง อย่ามาแถลงแทงกั๊กค่อยๆปล่อยข่าวออกมาเป็นระลอก กรณีนายกฯสละเงินเดือน 3 เดือน ความเสียสละวันนี้ไม่ใช่การไม่รับเงินเดือนแต่มันคือค่าเสียโอกาสประเทศ ได้ถามประชาชนหรือยัง ฟังเสียงเขาหน่อย จะดูโพลไทยรัฐออนไลน์ก็ได้ว่าความเชื่อมั่นแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ไม่ถึงแล้วระหว่าง 14 วันนี้ต้องระดมกำลังตรวจเชิงรุกปูพรมให้ได้ 100% ตอนนี้เงินกู้เยียวยาโควิดเหลือเท่าไหร่ จะเยียวยาอย่างไรให้ตรงจุด ควรทำการบ้านฟังเสียงประชาชนว่าต้องการอะไรบ้าง หวังว่าการล็อกดาวน์ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะเจ็บและหวังว่ามันจะจบลง ประชาชนต้องล้มบนเบาะและล้มน้อยที่สุด

“ไพบูลย์” ถก กมธ. รื้อ รธน.สัปดาห์หน้า

อีกเรื่อง ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม กล่าวว่า สัปดาห์หน้า กมธ.ประชุมปกติ จะพิจารณาอีก 4 ครั้ง หรือประมาณ 2 สัปดาห์จึงแล้วเสร็จ นำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาต่อวาระ 2 และวาระ 3 ช่วงเดือน ส.ค. เชื่อมั่นว่าการแก้ไขในมาตราอื่นๆเพิ่มเติม ให้สอดคล้องกับหลักการไม่นำไปสู่การยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย

พท.แปรญัตติปิดทาง ส.ส.ปัดเศษ

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษา กมธ.กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้เสนอแปรญัตติแก้รายละเอียดระบบการเลือกตั้งเพิ่มเติมแล้ว มีเนื้อหาใกล้เคียงร่างที่พรรคเพื่อไทยเสนอต่อรัฐสภา อาทิ ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ให้พรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต ไม่น้อยกว่า 100 เขตจึงจะส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อได้ พรรคใดที่ได้คะแนนน้อยกว่าร้อยละ 1 ถือว่าไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ป้องกัน ส.ส.ปัดเศษ เช่น คะแนนเลือกตั้ง 30 ล้าน แต่ได้ต่ำกว่า 3 แสนไม่ควรนำมาคำนวณ พร้อมเพิ่มบทเฉพาะกาลคุ้มครองสมาชิกภาพ ส.ส.และให้มีผลบังคับใช้ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งถัดไป ให้รัฐสภาแก้ไขกฎหมายลูกให้เสร็จภายใน 90 วัน

พรรคเล็กดิ้นสู้เล็งยื่นศาล รธน.

นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธรรมไทย กล่าวว่า กลุ่มพรรคเล็กร่วมเสนอคำแปรญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญในชั้น กมธ. ขอคง ส.ส. 500 คน คือ ส.ส.เขต 350 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คะแนนขั้นต่ำคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ 0.02% ให้พรรคเล็กมีที่ยืนในสภาฯ พรรคใหญ่กำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำ 1% ไม่ยุติธรรมปิดกั้นตัดโอกาสพรรคเล็กสิ้นเชิง หารือพรรคก้าวไกลแล้วคะแนนขั้นต่ำ 0.02% เหมาะสม ถ้าใช้เกณฑ์ 1%จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คน ต้องได้คะแนนเลือกตั้งถึง 3.5 แสนคะแนน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 35 ล้านคน ถ้าใช้เกณฑ์ 0.02% ใช้ฐานคะแนนแค่ 7.1 หมื่นเสียง พรรคเล็กมีสิทธิได้รับเลือกเข้าสภาฯ ถ้าไม่ผ่านชั้น กมธ. พรรคเล็กรวมถึงพรรคก้าวไกลและพรรคภูมิใจไทยบางส่วน จะเข้าเชื่อ 1 ใน 10 ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเนื้อหาที่ปรับแก้ ขัดรัฐธรรมนูญ ตัดสิทธิ ตัดโอกาสประชาชนที่สนับสนุนพรรคเล็กหรือไม่

“อดุลย์” นำไทยไม่ทนลุยไล่ รบ.ไม่ยั้ง

ที่สถานีโทรทัศน์พีซทีวี รามอินทรา 40 กลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นำโดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานญาติวีรชนพฤษภา 35 นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) นายนันทพงศ์ ปานมาศ แกนนำเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย นายณัฐภัทร อัคฮาด เครือข่ายญาติผู้เสียชีวิตเหตุการณ์พฤษภาคม 53 นายธนเดช ศรีสงคราม หรือม่อนอาชีวะ แกนนำเครือข่ายอาชีวะเพื่อประชาธิปไตย นายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีต ส.ว. และนายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ ฯลฯ ร่วมแถลงท่าทีการเคลื่อนไหวของกลุ่ม เนื้อหาสรุปว่ากลุ่มยังเดินหน้าต่อภายใต้การนำของนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์และคณะ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ต้องพักภารกิจชั่วคราวหลังศาลสั่งจำคุก รัฐใช้กระบวนการยุติธรรมกลั่นแกล้งคุกคามแกนนำแต่ไม่สามารถหยุดยั้งกลุ่มได้ พล.อ.ประยุทธ์บริหารบ้านเมืองล้มเหลว ชะตาขาดแล้ว วันเสาร์ที่ 10 ก.ค.ขอประกาศเข้าร่วมคาร์ม็อบกับเครือข่ายนายสมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด วันที่ 18 ก.ค.ร่วมชุมนุมกับกลุ่มเยาวชนปลดแอก ส่วนเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย จะกระจายจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์จุดเทียนเรียกร้องความยุติธรรมตามสถานที่สำคัญต่างๆให้นายจตุพร

เตือนทุกม็อบรวมตัวผิด ก.ม.

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.และโฆษก ตร. กล่าวว่า กรณีที่มีการนัดชุมนุมผ่านทางออนไลน์ของกลุ่มทางการเมืองในวันที่ 10 ก.ค. ประกอบด้วย 1.กลุ่มประชาชนคนไทย โดยนายนิติธร ล้ำเหลือ เวลา 15.00 น.ที่แยกอุรุพงษ์ เดินไปหน้าทำเนียบรัฐบาล จัดปราศรัยให้นายกฯลาออก 2.กลุ่มไทยไม่ทน โดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ เวลา 16.00 น.ที่แยกผ่านฟ้าลีลาศ เดินไปหน้าทำเนียบฯ ปราศรัยขับไล่นายกฯหรืออาจเปลี่ยนแปลงเข้าร่วมกับกลุ่มคาร์ม็อบ และ 3.กลุ่มนายสมบัติ บุญงามอนงค์ เวลา 13.00 น. นัดทำกิจกรรมคาร์ม็อบ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ใช้รถยนต์หรือรถ จยย.แรลลี่บีบแตรขับไล่รัฐบาล มีเส้นทาง 5 เป้าหมาย ได้แก่ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมพลังประชาชาติไทย และ 5.แยกราชประสงค์ ทั้งหมดเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ เตือนกลุ่มผู้ชุมนุมให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมหลีกเลี่ยงหรืองดเว้นการเข้าร่วมการชุมนุม เพราะมีโอกาสติดโรคระบาดนำไปแพร่กระจายง่าย