ผมเขียนผ่านคอลัมน์นี้ไว้แล้วหลายๆ ครั้งว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เป็นผลกระทบมาจากการระบาดหนักของโควิด-19 ครั้งนี้ใหญ่หลวงเหลือเกิน
ลำพังภาครัฐบาลอย่างเดียวคงยากที่จะปลุกหรือพลิกฟื้นขึ้นมาได้แน่ๆ...จำเป็นจะต้องร่วมมือกันทุกๆฝ่าย...โดยเฉพาะจากภาคเอกชน
ผมได้เขียนขอร้องท่านอภิมหาเศรษฐีทั้งหลายเอาไว้ด้วยแล้ว...ไม่ว่าท่านจะเคยได้รับจดหมายจากบิ๊กตู่ หลังการระบาดรอบแรก หรือยังไม่เคยได้รับเลยก็ตาม...ขอให้เดินหน้าลงทุนในธุรกิจของท่านต่อไป
ใครมีโครงการอะไร? จะดำเนินการอย่างไร? อย่าลืมส่งมาให้ผมด้วย...เผื่อจะช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้กว้างขวางออกไปอีก
ระหว่างที่รอๆ อยู่นี้ผมก็จะติดตามอ่านข่าว อ่านถ้อยแถลงขององค์กรหรือบริษัทห้างร้าน หรือแม้แต่ตัวท่านเศรษฐี เป็นรายท่านรายคน ว่าท่านมีความคิด ความเห็น หรือมีโครงการที่จะดำเนินในเรื่องใดๆบ้าง
หากเข้าข่ายที่ผมเห็นว่าจะมีส่วนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยครั้งนี้ละก็...จะหยิบมาเขียนให้ด้วยความเต็มใจ โดยไม่ต้องรอให้ท่านส่งมา
ปรากฏว่าเมื่อวันจันทร์นี้เอง ผมอ่านเจอถ้อยแถลงของกลุ่ม ปตท. ในหน้าเศรษฐกิจของไทยรัฐแล้ว ก็ตัดสินใจนำมาเผยแพร่ต่อในวันนี้ทันที เพื่อจะเป็นตัวอย่างให้องค์กร หรือบริษัทห้างร้าน หรือท่านเศรษฐีฯลฯ ได้รับทราบว่า...โครงการหรือแผนงานทำนองนี้แหละครับ ที่ผมเห็นว่าจะมีส่วนช่วยอย่างมากในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
กลุ่ม ปตท. ตั้งชื่อถ้อยแถลงฉบับดังกล่าวว่า “Restart Thailand เร่งมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” พร้อมกับรายงานถึงโครงการที่กลุ่มได้ดำเนินการไปแล้วและจะดำเนินการต่อไปอย่างน่าสนใจยิ่ง
โดยออกตัวว่า แม้กลุ่ม ปตท.จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่นกัน แต่ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนและเห็นความจำเป็นที่ประเทศจะต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปให้ได้ จึงได้คิดโครงการ Restart Thailand ขึ้นเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและลดปัญหาการว่างงาน นับถึงนาทีนี้กลุ่มได้จ้างแรงงานไปแล้วกว่า 25,000 อัตรา
...
ประกอบด้วยการจ้างแรงงานโครงการก่อสร้างต่างๆ ในกลุ่มกว่า 22,000 อัตรา และเปิดรับพนักงานเพิ่มเติมในตำแหน่งที่ว่างลงระหว่างปี 2563-2564 จำนวน 1,000 อัตรา
ที่สำคัญ กลุ่ม ปตท.ได้จ้างนักศึกษาจบใหม่ระดับ ปวช. ปวส. อาชีวศึกษา และปริญญาตรี ที่ผ่านเกณฑ์คัดเลือกและมีภูมิลำเนาในพื้นที่ปฏิบัติงาน จำนวน 2,630 อัตรา ให้มีรายได้และโอกาสในการฝึกฝนทักษะอาชีพภายใต้สัญญาจ้าง 12 เดือน เพื่อมุ่งเน้นให้เข้าไปสนับสนุนงานพัฒนาชุมชนท้องถิ่นในด้านต่างๆ รวม 3 ด้าน
โดยกลุ่ม ปตท.หวังว่า นักศึกษาจบใหม่ เหล่านี้ นอกจากจะได้ทำงานมีเงินเดือนอย่างน้อย 1 ปีแล้ว...น้องๆยังจะมีทักษะในการทำงานกับชุมชนท้องถิ่น และเพิ่มโอกาสในการสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่น หรือชุมชนหลังสิ้นสุดระยะเวลาการจ้างงานแล้ว
ผมไม่มีเนื้อที่พอสำหรับการลงรายละเอียดได้แต่ชอบใจโครงการย่อยที่เขาเรียกว่า “นวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม กลุ่ม ปตท.” ในการที่จะเข้าไปสนับสนุน 2 เรื่องหลัก คือ Smart Marketing และ Smart Farming ให้แก่ชุมชน
ตั้งเป้าหมายว่าจะมี Smart Farming ต้นแบบ 45 พื้นที่ ใน 20 จังหวัด ภายใน 3 ปี จาก 2564-2566 โดยเฉพาะปีนี้ 2564 จะเริ่มใน 25 พื้นที่ก่อนเป็นการนำร่อง
ผมขอให้กำลังใจและขอให้แผน Restart Thailand ของกลุ่ม ปตท. จงประสบความสำเร็จอันจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยของเราฟื้นตัวกลับมาได้บ้างไม่มากก็น้อย
จริงๆแล้วคงต้องบอกว่ายังน้อยอยู่แน่ๆ เพราะในความเสียหายอย่างมโหฬารนั้น โครงการของ กลุ่ม ปตท. เพียงเท่านี้เปรียบประดุจก้อนหินก้อนเล็กๆ ก้อนหนึ่งที่โยนลงในสระอันกว้างใหญ่ไพศาลเท่านั้น
แต่ถ้าองค์กรอื่นๆ บริษัทเอกชนอื่นๆ ท่านที่มีเงินทองเหลือใช้อื่นๆ รวมทั้งโต้โผใหญ่ที่สุดคือ “รัฐบาล” จะช่วยกันโยนก้อนหินไปคนละก้อน หรือหลายๆก้อนละก็
ผมเชื่อเหลือเกินครับ ต่อให้สระกว้างใหญ่แค่ไหน...ย่อม “กระเพื่อม” และนำไปสู่การฟื้นตัวกลับมาได้อย่างแน่นอนด้วย “พลัง” ทั้งหมดของทุกภาคส่วนในประเทศไทยรวมกัน.
“ซูม”