การทำงานของ ผู้ที่รับผิดชอบต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในยามนี้ ดูเหมือนจะชิวๆไม่ได้วิตกทุกข์ร้อนกับความเดือดร้อนของชาวบ้านและความหายนะของประเทศที่จะมาถึงในเวลาอันใกล้นี้

เมื่อพบว่า สายพันธุ์โควิด-19 ที่ระบาดอยู่ในประเทศไทยเวลานี้มาครบทุกชนิด สายพันธุ์ดั้งเดิม สายพันธุ์อังกฤษ สายพันธุ์ แอฟริกาใต้ สายพันธุ์บราซิล สายพันธุ์อินเดีย ในขณะที่วัคซีนมีบ้างไม่มีบ้าง อยู่ 2 ชนิดคือ แอสตราเซเนกา และ ซิโนแวค การที่จะเลือกวัคซีนหรือประเภทของกลุ่มประชาชนที่จะเข้ารับวัคซีน ไม่ต้องมาสาธยายให้เมื่อยตุ้มอีกต่อไป เดี๋ยวก็จะ Walk-in เดี๋ยวก็ให้ไปลงทะเบียนที่หน้างาน เดี๋ยวก็ให้กลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรังก่อน เดี๋ยวก็ให้กลุ่มเสี่ยงคลัสเตอร์ก่อน สุดท้ายบอกจะต้องฉีดแบบปูพรมให้กับทุกกลุ่ม หรืออายุไม่ถึง 60 ปี ให้ฉีดซิโนแวค อายุเกิน 60 ปี ให้ฉีด แอสตราเซเนกา แต่ตอนนี้มีอะไรก็ฉีดๆกันไป

ถือว่าล้มเหลวในการบริหารจัดการได้หรือยัง

ถ้าจะถามหาการแสดงความรับผิดชอบตั้งแต่เกิด คลัสเตอร์สถานบันเทิง มีไหม ก็ไม่มี คลัสเตอร์เรือนจำ มีไหม ก็ไม่มี คลัสเตอร์แคมป์คนงาน ก่อสร้าง แรงงานต่างด้าว มีไหม ไม่มี การลักลอบขนแรงงานคนต่างชาติมาตามแนวชายแดน มีใครรับผิดชอบไหมไม่มี แต่มีการเบิกงบประมาณในการบริหารจัดการโควิด-19 กันบานตะไท

ถือว่ามีเจตนาบริสุทธิ์และมีความรับผิดชอบในหน้าที่หรือยัง

นักการเมือง นอกจากจะดวลวิวาทะน้ำลายกันแล้วก็ไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ในวิกฤติทั้งสุขภาพและปากท้องอย่างรุนแรง สิ่งที่นักการเมืองคิดอย่างเดียว คือทำอย่างไรจะฉวยโอกาสนี้ในการหาเสียง ใช้โอกาสในการขาดแคลนวัคซีน ความเหนื่อยล้าของบุคลากรทางการแพทย์ ในการสร้างคะแนน ไปยืนชี้ไม้ชี้มือแล้วก็กลับ

...

จะหาความจริงใจจากนักการเมืองได้ไหม

ไม่ใช่โฆษณาแค่มีวัคซีนเท่านั้นเท่านี้ ชนิดนี้มาแล้วชนิดนี้กำลังจะมา แต่ถึงเวลาปฏิบัติจริงไม่มีวัคซีนเพียงพอที่จะฉีดให้กับประชาชน ในสถานการณ์ที่มีไวรัสโควิด-19 ครบทุกสายพันธุ์ ในขณะที่วัคซีนมีจำกัดแค่บางชนิด

อะไรคือความหวังของประชาชน

นับจากนี้ไป ประเทศไทย ที่เคยได้รับการยกย่องว่า เป็นประเทศที่รับมือกับโควิด-19 ได้ดีที่สุด จะถูกเพ่งเล็งว่าเป็นประเทศที่มีการ แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงที่สุด ไม่ต่างกับสถานการณ์ในประเทศอินเดีย

ประเทศไทย ถูกยกเลิกวีซ่าพิเศษ ในการเข้าประเทศของทุกประเทศแล้ว ยังถูกโฟกัสจาก องค์การอนามัยโลก ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสถานการณ์ โควิด-19 ในประเทศไทย รวมทั้งต้นตอสาเหตุของเชื้อไวรัสด้วย

รัฐบาลยังใช้การเมืองนำการแพทย์ โอกาสที่ประเทศจะเกิดวิกฤติเต็มท้องถนนในไม่ช้านี้ มีความเป็นไปได้สูง ไม่ใช่แค่ม็อบสามนิ้วธรรมดา แต่จะเป็นจลาจลของคนไทยที่เลือดเข้าตา ถ้าไม่รีบตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม

จะถึงทางตันสุดซอย.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th