บริหารจัดการ “ดราม่า” ด้วยข้อมูล-ข้อเท็จจริงสรุปความจากที่มีคนออกมาแนะนำผู้มีอำนาจ ต้องใช้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจเอง เพื่อลดความปั่นป่วนคิวฉีดวัคซีน โดยเฉพาะปัญหาการสื่อสารถึงประชาชนต้องเร่งยกเครื่องใหญ่

ภาวะผู้คนสำลักข้อมูล สับสน ไม่รู้จะเชื่อใคร ข้อมูลทางการจากรัฐที่น่าเชื่อถือเท่านั้น แก้ได้ตั้งแต่โควิด–19 ระบาดระลอก 3 ที่จริง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ก็พยายามจะแก้ทีละเปลาะ แต่อย่างที่รู้ ใน “วิกฤติ” บางครั้งก็ยาก บางปมก็พลาดทำเครดิตรัฐบาลพร่องเอง

บวกด้วยผู้คนที่ชินชากับการสวม “แว่นตาการเมือง” มองเป็นหมากเกมเล่ห์กลไปหมดภาพถึงออกมาดูมั่วๆกันอยู่ตอนนี้

เอาเป็นว่า นาทีนี้ “บิ๊กตู่” เองก็เริ่มตั้งหลักได้ แม้จะต้องแก้ปัญหากันเป็นรายวัน ตั้งแต่คิวคุมการแพร่ระบาด รวบอำนาจเต็มไว้ในมือ การตรวจหาเชื้อ ดูแลรักษา หาเตียงให้ผู้ป่วย เริ่มเข้าที่เข้าทาง แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันยังทรงตัวระดับสูง ก็ยังถือว่าพอเข็นไหว พร้อมความหวังที่ “วัคซีน” เป็นตัวช่วย

สำหรับโปรแกรมฉีดวัคซีน คงต้องทำอย่างที่มีผู้แนะนำ ต้องจัดระเบียบการสื่อสาร ให้ข้อมูลแล้วให้ชาวบ้านเลือกตัดสินใจเอง ที่สำคัญต้องเลี่ยงดราม่า เชื้อเชิญ “กึ่งบังคับ” หรือขู่ด้วยเรื่องละเอียดอ่อนรักชาติ-ไม่รักชาติ

เพราะในห้วงวิกฤติแตกแยกยังแค่บรรเทา สังคมอารมณ์เปราะบาง มีสิทธิโดนกระชาก เข้ามุมการเมืองได้ง่าย

เป็นความจริงประเทศไทยวันนี้ ที่ผู้นำรับรู้อยู่แล้ว

กระทั่งการบริหารจัดการสัมพันธ์ภายในรัฐบาลเอง ต่างค่ายต่างพรรค พอมีมุมการเมืองเข้ามาแทรกถึงยังไม่ถึงขั้นแตกโพละ แต่ชักจะร้าวลึกลุกลาม กับสัมพันธภาพพรรคร่วมรัฐบาล จากคิวพรรคประชาธิปัตย์ ล่าสุดมาที่พรรคภูมิใจไทย ร้าวสะสม

...

ก่อนที่จะมาถึงคิวร้อนแรงของ “ภราดร ปริศนานันทกุล” โฆษกค่ายภูมิใจไทย ออกมาโพสต์อัดลุงกันโต้งๆ “ถ่วง” ฉีดวัคซีน ก็น่าจะมาจากเอฟเฟกต์กระแทกกลับจากคิว “ผู้นำ” เบรก “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข และ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม ที่ประสานเสียง เปิดสถานีกลางบางซื่อ ให้วอล์กอินฉีดวัคซีน

ว่ากันว่ารายการนี้เสียงล้งเล้งจากเบอร์ 1 ตึกไทยคู่ฟ้า ถึง “ภูมิใจไทยทีม” อย่างร้อนแรง

ที่โฆษกภูมิใจไทยออกมาโซ้ยใส่ผู้นำ จึงไม่ใช่ของขึ้นธรรมดา

ที่สำคัญที่ว่าร้าวสะสม มีมาตั้งแต่ ผู้นำยึดอำนาจเรียบรัฐมนตรี กระทั่งแม่ทัพสาธารณสุขอย่าง “เสี่ยหนู” มาจนกระทั่งคิวจัดฉีดวัคซีนวอล์กอิน ที่จริงก็คุยกันไว้แล้วกับโปรแกรม “บิ๊กอีเวนต์”

แต่ผู้นำไม่พอใจในเกมเบียดซีนปาดหน้า ผู้นำก็เลยต้องว้ากลั่น

แต่ทั้งหมดทั้งปวงที่ “บิ๊กตู่” ติดเบรกก็มีเหตุผล หากไฟเขียว วอล์กอินเรือนพันเรือนหมื่นตามแผน โอกาสเสี่ยงเป็นแหล่งแพร่เชื้อมีสูง ที่สำคัญในห้วงเตรียมเปิดสถานีกลางบางซื่อทดลองวิ่งรถไฟฟ้าสายสีแดง ต้องมีการเซตระบบเตรียมความพร้อม ไม่เหมาะอย่างยิ่ง จะเสี่ยงเปิดพื้นที่แบบไร้ระเบียบ

ผู้นำจึงต้องงัดไม้แข็งในมือมาใช้ แม้ต้องขยายรอยร้าวพรรคร่วม

โดยเฉพาะกับพรรคที่เป็นแต้มหลักเสียงของรัฐบาล อย่างภูมิใจไทย ที่คีย์แมนพลังประชารัฐออกมาแคร์มากกว่าประชาธิปัตย์ แต่กับสถานการณ์จริง คิวชิงเหลี่ยมกระทบกระทั่งมาต่อเนื่อง

จุดร้าวจากที่แยกเลือกข้าง รถไฟฟ้าสายสีส้ม บานสู่สายสีเขียวส่วนต่อขยาย โยงมาถึงโปรแกรมรับวิกฤติโควิด–19 ยึดหน้าที่ รองนายกฯ–รมต. รวบอำนาจเต็มในมือนายกฯ ล่าสุดโปรแกรมวอล์กอินฉีดวัคซีน

เพียงแต่ประเมินแล้ว เรื่องราวตามท้องเรื่องก็คงต้องเดินไปในลักษณะนี้ ยังไม่ถึงจุด “แตกหัก”

การบริหารสัมพันธ์การเมืองแบบตึงๆหย่อนๆ ตบจูบเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่ร้อนแรงขึ้นในห้วงแห่งเวลาวิกฤติโรคระบาด

ล้อไปกับห้วงเวลาแห่งการช่วงชิง ตามกระแสข่าวไทม์ไลน์อำนาจเข้าโค้งสำคัญ

ปักหมุด ถึงจุดกระตุกแต้มกระเตื้อง จ่อล้างกระดาน

การเมืองเลยเพิ่มดีกรีร้อน แต่ไม่ถึงขั้นแตกแยกวง เมื่อธงสัญญาณสะบัดชัด พลิกข้างย้ายขั้วกันยาก

ฉะนั้นแม้สัมพันธภาพสั่นสะเทือน แต่เมื่อมอง “เผื่อวันหน้า” ก็ต้องอยู่ๆกันไป อะไรทำนองนั้น

มัดข้าวต้มหลวมๆ แต่ยังนิ่งในเกมยาวๆกันไป.

ทีมข่าวการเมือง