ปท.คนเคยรักบุกทำเนียบฯ จี้ “ประยุทธ์” ไขก๊อก ตอกย้ำ ปฏิรูปการเมืองแก้วิกฤติเหลวเป๋ว ชงชื่อ “ดร.ซุป” นายกฯคนนอก “แรมโบ้” กล่อมอย่าหลงลมคำยุแยง อ้อนคอเป็นเอ็น “ลุงตู่” ดีที่สุด ทำงานหนักปกป้องสถาบัน “บิ๊กตู่” พับเก็บคำถามนักข่าวเป็นสัปดาห์ที่ 3 เมินกลุ่มบี้ลาออก งัดผลโพล สนง.สถิติก่อนโควิดแตกระลอก 3 แถลงโชว์ ระบุคนพอใจทั้งมาตรการเยียวยา-จัดการวัคซีน ติวเข้ม รมต.รับศึกชำแหละงบฯ 65 ย่องเงียบออก พ.ร.ก.กู้สู้โควิดอีก 7 แสนล้านฉลุย ก้าวไกลจ้องเขม็งสับกู้มหาศาลเขียนแค่ 4 หน้า จวกทหารสอดไส้ของบฯซ้ำซ้อนมุ่งปราบม็อบ ขณะที่ศาล สั่งปล่อยตัวชั่วคราวการ์ดม็อบ 2 ราย
หลังจากกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) ตั้งโต๊ะแถลงเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เสียสละลาออกเนื่องจากล้มเหลวแก้ปัญหาโควิด-19 และปฏิรูปการเมือง เพื่อเปิดทางตั้งรัฐบาลสร้างชาติ ล่าสุดกลุ่มปท.บุกไปทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือกระทุ้ง พล.อ.ประยุทธ์ย้ำข้อเสนอให้ลาออกอีกครั้ง
...
ปท.บุกทำเนียบฯจี้ “บิ๊กตู่” ไขก๊อก
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 18 พ.ค. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล (กพ.เดิม) ถนนพิษณุโลก ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล กลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.)จำนวน 8 คน มีนายพิชิต ไชยมงคล อดีตแกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย แกนนำกลุ่มยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เรียกร้องให้เสียสละด้วยการลาออก เนื่องจากตลอด 7 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะนายกฯไม่สามารถปฏิรูปประเทศ และแก้ไขวิกฤติของประเทศชาติได้ การลาออกเพื่อเปิดโอกาสให้รัฐสภาเลือกนายกฯคนใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 272 วรรค 2 โดยยกเว้นการเสนอชื่อนายกฯในบัญชีพรรคการเมือง มีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับหนังสือข้อเรียกร้องดังกล่าว
ผุดชื่อ “ดร.ซุป” นายกฯคนนอก
นายพิชิตกล่าวว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการแสดงเจตจำนงของกลุ่มยืนยันเดินหน้าเรียกร้องปฏิรูปประเทศ ส่วนชื่อนายกฯคนนอก ไม่ได้เสนอเจาะจงใครเป็นพิเศษ เพียงเสนอเป็นแนวทางคร่าวๆ ให้สังคมเป็นตัวตัดสินมากกว่า อย่างนายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการอังค์ถัด และอดีตผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (WTO)
“แรมโบ้” กรอกหูอย่าเชื่อคำยุแยง
ขณะที่นายเสกสกลกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาล ทำงานอย่างหนักทั้งเรื่องวิกฤติโควิด-19 และการปกป้องสถาบัน ขอให้มวลชนพักเรื่องการเมืองเอาไว้ก่อน และขอให้กลับมาสามัคคีกันอีกครั้ง อย่าไปหลงเชื่อคำยุแยงของอีกฝ่าย ยังเชื่อว่านายกฯที่เหมาะสมและสามารถแก้ไขสถานการณ์ในปัจจุบันได้ดีที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกฯ ย้ำไทยสามัคคีชนะแน่
ด้านความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ผู้สื่อข่าว รายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ห้องศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เชื่อมไปยังห้องรองนายกฯ และรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ เป็นสัปดาห์ที่ 2 เพื่อเว้นระยะห่างตามมาตรการป้องกันโควิด-19 หลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์แถลงข่าวโดยไลฟ์ผ่านเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า ที่ห้องโถง ตึกไทยคู่ฟ้า โดยยังคงแถลงแต่ประเด็นการแก้ปัญหาโควิด-19 เท่านั้น ว่าเราจะเอาชนะโควิดได้ก็ด้วยการเดินหน้าไปพร้อมๆกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ช่วยกันทำหน้าที่ของแต่ละคน ดูแลซึ่งกันและกันให้ดีที่สุด เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย เราจะสู้ไปด้วยกันประเทศไทยต้องดีขึ้น ด้วยความร่วมมือร่วมใจ ความรักสามัคคีของคนไทยด้วยกัน เราทุกคนก็คือทีมประเทศไทย
งดจ้อพับคำถามสื่อปมลาออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังคงไม่พูดประเด็นทางการเมืองใดๆไม่ตอบคำถามที่ผู้สื่อข่าวส่งผ่านทีมงานล่วงหน้า ที่มีทั้งเรื่องโควิดและการเมือง อาทิ กรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์งบฯปี 65 ของกลาโหม ที่สูงกว่ากระทรวงสาธารณสุขท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังรุนแรง กรณีคนที่เคยสนับสนุนรัฐบาล อย่าง “ทนายนกเขา นิติธร ล้ำเหลือ” ออกมาเรียกร้องให้ลาออก เปิดทางใช้กลไกรัฐสภา และประชาชนจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ เป็นสัปดาห์ที่ 3 ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดนายกฯ ย้ำกับผู้สื่อข่าวว่า นายกฯต้องการใช้เวลาแก้ปัญหาโควิด ช่วงนี้ไม่ขอแสดงความคิดเห็นเรื่องการเมือง โดยมอบหมายให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงแทน
โชว์ผลโพลพึงพอใจรัฐเยียวยา
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อมาตรการเยียวยาของภาครัฐจากสถานการณ์โควิด-19 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้สอบถามผู้มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ 9,000 คน ระหว่างวันที่ 8-15 มี.ค.64 พบว่า ร้อยละ 99.7 รับทราบมาตรการเยียวยาของภาครัฐ และพึงพอใจโดยรวมมากถึงมากที่สุดร้อยละ 81.2 พอใจปานกลางร้อยละ15.9 พอใจน้อยถึงน้อยที่สุดร้อยละ 2.3 ไม่พึงพอใจร้อยละ 0.6 เมื่อแยกเป็นรายโครงการพบว่า พึงพอใจในโครงการเราเที่ยวด้วยกันมากถึงมากที่สุดร้อยละ 59.9 พึงพอใจมากถึงมากที่สุดในโครงการคนละครึ่งร้อยละ 82.7 โครงการเราชนะ ร้อยละ 86.7 และ ม 33 เรารักกัน ร้อยละ 67.8 ทั้งเสนอแนะเพิ่มเติมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน 3 อันดับแรก คือ ควรให้สิทธิทุกคนไม่ต้องลงทะเบียน, ควรขยายระยะเวลาใช้บริการ และควรให้เป็นเงินสด ส่วนโครงการคนละครึ่ง เราชนะและ ม 33 เรารักกัน มีข้อเสนอแนะ คือ ควรให้ทุกคนได้รับสิทธิเยียวยา ควรเพิ่มวงเงิน และควรให้เป็นเงินสด
แนะแจกเงินสดให้คนจนทั่วหน้า
น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของภาครัฐพบว่า ร้อยละ 60.7 มีความพร้อม ร้อยละ 39.3 ไม่พร้อม ให้เหตุผลว่า ไม่มั่นใจในความปลอดภัย กลัวอาการแพ้ และต้องการดูผลจากการฉีดของคนอื่นก่อนอย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการดำเนินการจัดหาวัคซีนของภาครัฐในระดับมากถึงมากที่สุดร้อยละ 66.3 ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายคือ ควรเพิ่มมาตรการช่วยเหลือประชาชนอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง เช่น ควรเพิ่มวงเงินมากกว่ากลุ่มอื่น ควรให้ได้รับสิทธิทุกคน และขั้นตอนการช่วยเหลือไม่ควรยุ่งยากซับซ้อน เช่น การให้เป็นเงินสดไม่ต้องลงทะเบียน และควรส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างทั่วถึง และครอบคลุมทุกพื้นที่ในราคาย่อมเยา
ติว รมต.รับมือ ส.ส.ชำแหละงบฯ
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบผลหารือของคณะกรรมการประสานงาน 3 ฝ่าย (วิป 3 ฝ่าย) กำหนดวาระพิจารณาของที่ประชุมสภาฯที่มีนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รายงาน ดังนี้ 1. การพิจารณา พ.ร.ก. 2 ฉบับ คือ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม ป.แพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2564 (ลดดอกเบี้ยผิดนัด) และ พ.ร.ก.การให้การช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564 ในวันที่ 27-28 พ.ค. 2.ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย. ทั้งนี้ นายกฯย้ำว่าขอให้รัฐมนตรีชี้แจงความจำเป็น ประโยชน์ของการใช้งบฯอย่างโปร่งใส ชี้ให้เห็นงบฯที่ปรับลดลงจากปีก่อน เงินเยียวยากระตุ้นเศรษฐกิจและป้องกันโควิด ต้องอธิบายให้ชัดว่าใช้งบฯจาก พ.ร.ก.กู้เงินฯและงบกลางกรณีฉุกเฉิน ที่สำคัญตอบข้อซักถามทุกประเด็นให้กระจ่าง
งุบงิบกู้สู้โควิดอีก 7 แสนล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม ครม.ได้เห็นชอบตามกระทรวงการคลังเสนอออกร่าง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดละลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีเนื้อหาสำคัญโดยกู้เงินเพิ่มอีกไม่เกิน 700,000 ล้านบาท เพื่อใช้แก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 และบริหารสภาพคล่องทางการคลัง อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ครม.ไม่ให้เปิดเผยและแถลงเรื่องนี้ต่อสื่อมวลชน ตามข้อเสนอของนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการ ครม.โดยระบุว่าเป็นวาระลับริมแดง เหตุผลที่กระทรวงการคลังหยิบยกขึ้นมาออก พ.ร.ก.เนื่องจากเห็นว่าการระบาดของโควิดยังส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อเนื่อง ประกอบกับมีข้อจำกัดในการจัดทำงบฯเพื่อเยียวยาฟื้นฟูและปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ รวมทั้งข้อจำกัดของ พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรอบวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบฯหรือเมื่อรายจ่ายสูงกว่า รายได้ไม่เพียงพอ รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อใช้แก้ปัญหา
เผยเงินกู้ก้อนร่อยหรอไม่พอใช้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับวงเงินกู้ก้อนแรก 1 ล้านล้านบาทตาม พ.ร.ก.ของกระทรวงการคลังที่ได้บังคับใช้ไปตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.63 จนถึงวันที่ 11 พ.ค.64 ครม.ได้อนุมัติโครงการขอใช้จ่ายเงินกู้ไปแล้ว 287 โครงการ กรอบวงเงินกู้ 833,475 ล้านบาท ยังมีกรอบวงเงินกู้คงเหลือ 166,525 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา ครม.ได้เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการจากการระบาดของโควิด-19 ในระลอก เม.ย. ที่ต้องใช้เยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมอีกประมาณ 150,000 ล้านบาท ทำให้มีวงเงินคงเหลือ 16,525 ล้านบาท และต้องคืนกรอบวงเงินกู้เหลือจ่ายบางส่วนอีกแต่ก็ยังไม่เพียงพอ
ก้าวไกลจับตางบฯกู้เพิ่ม-สอดไส้
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า อยากให้ประชาชนช่วยกันจับตา การจัดงบฯปี 65 ให้ดี ที่กระทรวงการคลังขออนุมัติ ครม. ออก พ.ร.ก.เงินกู้เพิ่มเติมอีก 700,000 ล้านบาท กู้เงินเพิ่มเติมจากวงเงินกู้เดิมตาม พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท ร่าง พ.ร.ก.กู้เงินนี้เป็นเอกสารแค่ 4 หน้า กรอบใช้เงินเขียนสั้นๆแบ่งเป็น 3 แผนเหมือน พ.ร.ก.เงินกู้เดิมทุกประการแค่ปรับลดวงเงินลงมา และให้จับตาการประชุม ครม.ที่กระทรวงกลาโหมทำหนังสือลับด่วนมากของบฯกลางแก้ปัญหาโควิด-19 จำนวน 387 ล้านบาท ซึ่งหลายเรื่องเป็นภารกิจของกองทัพอยู่แล้ว ที่น่าติดใจคือเงิน 207 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.)ที่ใช้เตรียมกำลังพลรับมือการชุมนุมไม่เกี่ยวอะไรกับการรับมือแก้ปัญหาโควิด-19 เลย รัฐบาลต้องตอบให้ชัดด้วย
“เจ๊” ท้านายกฯลุยบ่อนบ้านมนังฯ
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ตนและทีมงานพรรคไทยสร้างไทย ลงไปช่วยดูแลชุมชนหลังบ้านมนังคศิลาประมาณ 200 หลังคาเรือนที่มีผู้ติดเชื้อถึงกว่า 70 คน ในเวลาอันรวดเร็ว ได้พูดคุยซักถามชาวบ้านร้องเรียนว่า สาเหตุมาจากการปล่อยให้มีบ่อนวิ่งบริเวณตลาดติดกับชุมชนริมคลองผดุงกรุงเกษม เกิดเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ ติดเชื้อกันยกซอย ประชาชนกำลังมีความทุกข์ยากกับปัญหาโควิดและเศรษฐกิจ ทำไมปล่อยให้มีบ่อนกลางใจเมืองใกล้ทำเนียบรัฐบาล จนระบาดอีกคลัสเตอร์ได้อย่างไร ถ้านายกฯอยากรู้ข้อมูลจริง ยินดีพาลงไปเดินเท้าเข้าชุมชนไปเห็นความจริงด้วยตัวเอง ไม่ต้องมีคนคอยตามล้อมหน้าล้อมหลัง
“วัชระ” ชวน ครม. สละเงินเดือน
ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯเพื่อแสดงความจำนงบริจาคเงินเดือนที่รับจากกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาเป็นเวลา 3 เดือน เดือนละ 12,000 บาท ในเดือน พ.ค.-ก.ค. รวม 36,000 บาท สมทบทุนให้รัฐบาลจัดซื้อวัคซีนโรคโควิด-19 ปกป้องชีวิตประชาชนให้ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด นายวัชระ กล่าวว่า ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์เชิญชวน ครม.สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล ส.ว. ผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองประธานคณะกรรมการบอร์ดรัฐวิสาหกิจและกรรมการทุกแห่ง ที่ส่วนใหญ่เวิร์กฟรอมโฮมปฏิบัติหน้าที่ไม่เต็มเวลาราชการ ได้โปรดร่วมกันเสียสละหักเงินเดือนไปช่วยจัดซื้อวัคซีนโควิด-19
ทิ้งให้คิด “มาร์ค” ร่วมเวทีผู้นำ
นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกฯโพสต์เฟซบุ๊กว่า ในโอกาสครบ 100 ปีการสถาปนาพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเดือน ก.ค.นี้ สำนักข่าวกลาง ศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้เลือกเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและแคนดิเดตนายกฯ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้แทนประเทศไทย เข้าเสวนาออนไลน์กับผู้นำทางการเมืองทั่วโลก นายอภิสิทธิ์มีความรอบรู้และคุ้นเคยกับผู้นำการเมืองของประเทศตะวันตกอย่างลึกซึ้ง หลายปีมานี้มีความรอบรู้คุ้นเคยกับผู้นำทางการเมืองของโลกตะวันออก และได้รับการยอมรับนับถือเป็นอย่างมากด้วย คิดกันเอาเอง ทำไมเขาจึงเลือกคุณอภิสิทธิ์เข้าร่วมการเสวนากับผู้นำประเทศต่างๆทั่วโลกในครั้งนี้
ศาลสั่งปล่อยตัว 2 การ์ดม็อบ
ที่ศาลอาญา ศาลนัดไต่สวนปล่อยตัวชั่วคราวกรณียื่นคำร้องขอประกันนายณัฐนนท์ หรือแฟรงค์ ไชยมหาบุตร สมาชิกการ์ดวีโว่ เเละนายธวัช สุขประเสริฐ 2 จำเลยในคดีไล่ทุบรถควบคุมของ สน.ประชาชื่น ชิงตัวนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ที่อยู่ในรถผู้ต้องขังระหว่างนำตัวไป สน.ประชาชื่น เมื่อวันที่ 30 ต.ค.63 ศาลพิเคราะห์แล้ว มีคำสั่งให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 1-2 ตีราคาหลักประกันคนละ 25,000 บาทมีเงื่อนไขห้ามเข้าร่วมกิจกรรมก่อให้เกิดความวุ่นวายห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากศาล ให้มาศาลตามกำหนดนัดโดยเคร่งครัด ทั้งยังสั่งให้นำตัวจำเลยที่ 1 ไปตรวจเชื้อโควิดรายงานให้ทราบภายใน 3 วัน และนำจำเลยที่ 2 ส่งตัวไปรักษาโควิดใน รพ.ที่มีความสามารถรักษาพยาบาลโดยทันทีแล้วรายงานให้ศาลทราบ