ใครก่อนใคร? รัฐบาล-โควิด-19 อาการระบาดที่หวังว่าหลังสงกรานต์น่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี แต่ดูจากสภาพการณ์แล้วไม่มีอะไรที่แน่นอนทั้งสิ้น

พร้อมจะลากยาวต่อไปเพราะแก้ไขไม่ได้

หรือจัดการหยุดได้อย่างฉับพลัน

แน่นอนว่าคงมีความมั่นใจลึกๆว่าน่าจะ “เอาอยู่” เพราะเคยผ่านประสบการณ์มาแล้ว 2 ครั้ง แต่รอบที่ 3 ซึ่งกำลังเจออยู่ในเวลานี้

ต้องบอกว่าหนักหนากว่ากันมาก

เพราะนอกจากเป็นสายพันธุ์ใหม่แล้วยังแพร่กระจายไปเกือบทุกพื้นที่ในประเทศไทยอย่างรวดเร็วและรุนแรง

ศบค.ยอมรับเองว่าโควิดระลอก 3 นี้ทำนิวไฮคือ 7 วันป่วย 1.1 หมื่นคน

มาตรการของรัฐบาลแม้จะไม่ประกาศเคอร์ฟิวหรือล็อกดาวน์ แต่ก็คุมเข้มในพื้นที่แทน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าลดแพร่เชื้อได้มากน้อยแค่ไหน

ภาพที่เห็นกันก็คือการแพร่ระบาดครั้งนี้จะติดกันเป็นกลุ่มก้อนและกระจายไปทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะบางกลุ่มบางหมู่เท่านั้น

อีก 2–3 วันคงพอจะมองเห็นภาพแล้ว

ที่น่ากลัวก็คือคำถามที่ว่าหากเอาไม่อยู่ ทำอย่างไร

เพราะมาตรการที่จะใช้ก็คือ ควบคุมประชาชนให้อยู่ในกฎกติกาก็จะเกิดปัญหาการไม่ยอมรับ เกิดปฏิกิริยาต่อต้านลุกลามได้

จะหวังจาก “วัคซีน” ก็คงช้าไป เนื่องจากวันนี้เราไม่มี “วัคซีน” อยู่ในมือในจำนวนมากพอที่จะฉีดให้กับประชาชนได้

หลายประเทศอย่างอิสราเอล ล่าสุดได้ประกาศว่าประชาชนไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากแล้ว เพราะการแพร่ระบาดลดลงไปมาก

หลังจากฉีด “วัคซีน” ให้พลเมืองของเขาครบถ้วนทั้งประเทศ

นี่เป็นการบ้านข้อใหญ่ของสังคมประเทศ

...

รัฐบาลที่แม้ด้านหนึ่งพยายามที่จะแก้ไขปัญหาอย่างเคร่งเครียด แต่ดูเหมือนแทบจะไม่เหลือกองเชียร์ส่งเสียงให้กำลังใจ

หรือถ้ามีก็เสียงเล็กๆ แทบจะไม่มีพลังอะไรเลย

ในรัฐบาลแม้กระทั่ง ส.ส.จากพลังประชารัฐก็ไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนอันไม่ต่างไปจากพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ

โควิด-19 จึงกลายเป็นประเด็นการเมืองเต็มๆ เพราะมีร่องรอยให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความพร้อมในการแก้ไขปัญหา

“บริหารและจัดการ”...ผิดพลาด

เปิดฉากเริ่มทำงานกันใหม่รัฐบาลจะต้องเจอ “ศึกการเมือง” ว่าด้วยโควิด-19 ที่ทุกฝ่ายหยิบขึ้นมาโจมตีเป็นประเด็นหลักได้

เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องทางการแพทย์เฉพาะด้าน

แต่มันเป็นความผิดพลาด ไม่รอบคอบ คิดไม่รอบด้าน ประมาทและการใช้อำนาจการเมืองสร้างกลุ่ม “อโคจร” จนนำมาซึ่งปัญหา

ยังไงเสียต้องร่วมมือกับเอกชนหา “วัคซีน” ให้ได้เร็วที่สุด

ก่อนที่จะยุ่งยากมากไปกว่านี้!

“สายล่อฟ้า”