ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เชื่อ คำวินิจฉัยศาล รธน.เป็นข้อมูลใหม่ที่ รฟท.นำรื้อคดีจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้านได้ มั่นใจ มีผลทำให้การฟ้องคดีขาดอายุความ รัฐมีลุ้นไม่ต้องจ่าย ไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ
วันที่ 17 มี.ค. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวกรณี ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในคำร้องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งไปว่า มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดที่กำหนดให้การนับอายุความฟ้องคดีปกครองตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการ คือ วันที่ 9 มี.ค. 2544 มาใช้อ้างอิงในคดีสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์ เข้าข่ายเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ว่า หลังจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญคงส่งคำวินิจฉัยฉบับสมบูรณ์มาที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งก็จะแจ้งกลับไปยังกระทรวงคมนาคม และ รฟท. ทั้งสองหน่วยงานคงนำคำวินิจฉัยซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานข้อมูลใหม่ ไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอรื้อฟื้นคดีจ่ายค่าเสียหายโฮปเวลล์ได้ แต่ที่สุดแล้วจะมีผลให้รัฐไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายหรือเปล่า เป็นของดุลยพินิจของศาลปกครอง ไม่ขอก้าวล่วง
“ผมคิดว่าเป็นข้อมูลใหม่ที่อาจทำให้ผลการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดที่พิพากษาให้ รฟท.ต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับบริษัทโฮปเวลล์ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ เพราะทุกคดีมีอายุความ การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเช่นนี้ ก็อาจทำให้มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดที่เป็นประเด็นพิพาทไม่สามารถนำมาใช้บังคับได้ ซึ่งก็จะมีผลให้การฟ้องคดีของบริษัทโฮปเวลล์น่าจะเป็นฟ้องเมื่อคดีขาดอายุความแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ศาลปกครองจะพิจารณาวินิจฉัย แต่ก็ถือว่ารัฐบาลมีลุ้นที่อาจจะไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชนให้กับบริษัทเอกชน” พล.อ.วิทวัส กล่าว
...
ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยังมองว่า ปัญหาดังกล่าวไม่น่าจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในไทย เพราะเป็นเรื่องที่ต่างคนต่างก็ใช้สิทธิ์ตามที่กฎหมายเปิดโอกาส ไม่ได้ทำอะไรที่นอกเหนือกฎหมายกำหนดไว้.