จุรินทร์เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางมาตรการป้องปราม ป้องกันการกักตุนและขายหน้ากากอนามัยเกินราคาในห้วงวิกฤติโควิด-19 รอบใหม่ ยันต้องขายไม่เกิน 2.50 บาทต่อชิ้น (Surgical mask) รวมถึงการนำเข้าหน้ากากอนามัย บวกได้ไม่เกิน 60% ของราคานำเข้า พร้อมแจ้งเตือนทุกแพลตฟอร์มค้าออนไลน์ สกัดพวกทำผิดกฎหมายกักตุนและขายเกินราคา โดยใช้มาตรการเด็ดขาด

รมว.พาณิชย์สั่งปราบขายเกินราคาและกักตุนแมสก์ช่วงโควิดระบาดใหม่ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 24 ธ.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เรียกประชุมมาตรการป้องปรามและป้องกันการกักตุนและการขายหน้ากากอนามัยเกินราคาในสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 รอบใหม่ มีนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรอง ผบช.น. คณะที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ และคณะร่วมด้วย พ.ต.อ.สุธีร์ มัลลิกะมาลย์ ผกก. (สอบสวน) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก. (สอบสวน) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) บริษัท เฟซบุ๊ก (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ลาซาด้า จำกัด บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โดยเป็นการหารือร่วมกับแพลตฟอร์ม เพื่อกำชับเรื่องป้องกันการกระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าควบคุม เช่น หน้ากากอนามัย

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะให้ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ควบคุมร้านค้าหรือผู้โพสต์ขายออนไลน์ในแพลตฟอร์มตนเองอย่างเคร่งครัด ไม่ให้ขายเกินราคาหรือกระทำความผิด อย่างไรก็ตาม ประกาศ กกร. หรือประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่องกำหนดราคาจำหน่ายและการแจ้งข้อมูลหน้ากากอนามัย พ.ศ.2563 ยังบังคับใช้อยู่ตลอดเวลาเพื่อดูแลประชาชนในช่วงโควิด-19 โดยผู้ขายจะต้องขายหน้ากากอนามัย (Surgical mask) ไม่เกิน 2.50 บาทต่อชิ้น รวมไปถึงการนำเข้า หน้ากากอนามัยจะบวกราคาเพิ่มได้ไม่เกิน 60% ของราคานำเข้าเท่านั้น ขณะที่หน้ากากผ้าที่ใช้ทดแทนไม่ได้อยู่ในบัญชีควบคุม

...

นางมัลลิกากล่าวอีกว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน และทุกแพลตฟอร์มที่ให้บริการออนไลน์ ทำหน้าที่และทำตามกฎหมายอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ต้องไม่ให้เกิดปัญหากับผู้บริโภคและประชาชน และให้กรมการค้าภายใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และฝ่ายที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ ทั้งป้องกันและป้องปรามการกระทำความผิดการจำหน่ายเกินราคาหรือกักตุน หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และเกิดการเอาเปรียบประชาชน หากประชาชนพบข้อมูลเบาะแสสามารถแจ้งสายด่วน 1569 กระทรวงพาณิชย์

ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ระบุต่อว่า ในที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าของทุกคดีที่มีการจับกุม นอกจากนั้นยังให้ผู้เกี่ยวข้องและทุกแพลตฟอร์มเฝ้าระวังการโพสต์ข้อมูลเท็จที่เกี่ยวกับสินค้าควบคุมสร้างความปั่นป่วนด้านราคาให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนซึ่งเป็นความผิดอีกด้วย โทษที่ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ความผิดการขายเกินราคาควบคุม (มาตรา 25) จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ความผิดข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย (มาตรา 28) มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ความผิดข้อหาขายแพงเกินสมควร (มาตรา 29) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ต้องมีเจตนาทุจริต โพสต์ข้อมูลเท็จ ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ