- สุดทน! ปูด ผู้ใหญ่ในเชียงใหม่ (เจ๊) สั่ง พรรคเพื่อไทยเท "บุญเลิศ"
- ลั่น ชีวิตนี้ มั่นคงในอุดมการณ์ ขออยู่เพื่อไทย ไม่ย้ายข้างไปที่ไหนแน่
- เปิดเบื้องลึก เบื้องหลัง ใครคือกลุ่มคน พยายามขับไล่ออกจากตำแหน่งประธานนปช.
เข้าช่วงสัปดาห์สุดท้ายจริงๆ แล้ว สำหรับการเลือกตั้ง นายก อบจ.และเลือกตั้งสมาชิก อบจ.ทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้ต้องยอมรับว่าในพื้นที่ต่างจังหวัด ผู้สมัครกำลังขับเคี่ยวกันอย่างหนัก
ต้องยอมรับว่าความขัดแย้งในการหาเสียงเลือกตั้ง นายก อบจ.ในครั้งนี้ ก็มี "ศึกชนช้าง"ในหลายพื้นที่ ต้องยอมรับว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พื้นที่หนึ่งที่ดูดุเดือด ร้อนแรง และเป็นที่สนใจ นั่นคือ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของ พรรคเพื่อไทย ฐานเสียงของนายใหญ่ "ทักษิณ ชินวัตร"
...
เมื่อคนที่เคยถือกันว่า เป็นคนกันเองอย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. อดีต ส.ส.เพื่อไทย บุกไปช่วยหาเสียงให้ นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ คู่แข่งของ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครอบจ.ที่พรรคเพื่อไทยให้การสนับสนุน จนเกิดการปะทะคารมกันทั้ง 2 ฝ่าย
ขนาดที่ ประธาน นปช.อย่าง "จตุพร" ถูกกลุ่มเสื้อแดงบางกลุ่มขับไล่ออกจากตำแหน่ง เพราะไม่พอใจที่ไปช่วย "บุญเลิศ" หาเสียง แต่ไม่ช่วยพรรคเพื่อไทย ซึ่ง "จตุพร" ก็ตอบโต้แบบไม่ลดละ
ความขัดแย้งรุนแรงเกิดขึ้นเพราะอะไร ร้อนแรงขนาดคนอย่าง อดีต ส.ส.เพื่อไทย และยังเป็นประธาน นปช. ทนไม่ไหว ออกมาปูดกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์เอง ว่า เบื้องหลัง มี "เจ๊" ผู้กว้างขวางในพื้นที่ "ไม่ดูตาม้าตาเรือ" อยากส่งเด็กในคาถาตัวเองลงแทน ตอนนี้ลามถึงมีการลือกันว่า "จตุพร" ย้ายข้างไปอยู่กับฝั่งเดียวกับ "แรมโบ้ อีสาน" นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เสียแล้ว
ข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร ไปฟังจากปาก นายจตุพร พรหมพันธุ์ กันได้เลย....
ใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง พยายาม "ขับไล่"ออกจาก ประธาน นปช.?
นายจตุพร กล่าวว่า คืออย่างนี้ก่อนที่จะไปเชียงใหม่ เสื้อแดงที่เป็นแกนนำจำนวนหนึ่ง มีการส่งคลิปมาให้แกนนำคนอื่นๆ เขาก็ให้พี่ดู มีการพูดบังคับว่า ทาง “บุญเลิศ บูรณุปกรณ์” ผู้สมัครนายกอบจ.เชียงใหม่ จะจ้างผมมาแก้เกม ทีนี้ตอนที่ถึงเชียงใหม่ ผมก็ให้แกนนำที่ไปกับผม โทรหาคนที่แถลงข่าว คนที่อายุมากกว่าเพื่อนนั่นแหละ ว่า ทำไมพูดอย่างนี้ ถ้าไม่เกรงใจผมด่าแล้วนะ เพราะว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ให้ความยุติธรรมกับ "บุญเลิศ"
"บุญเลิศ" ได้ยินข่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะเปลี่ยนตัวเขาตั้งแต่เขาติดคุกอยู่ วันนั้นพรรคพลังประชารัฐยังไม่มีเลย เพราะช่วงที่เขาติดคุก 26 ก.ค.-26 ส.ค.ปี 59 รัฐธรรมนูญปี 60 ยังไม่ได้ทำประชามติ ด้วยซ้ำ เขาจึงไปรณรงค์ต่อต้าน" นายจตุพร กล่าว...
ประธาน นปช. กล่าวอีกว่า ดังนั้น พอไปกล่าวหาในลักษณะอย่างนี้ มันเป็นเหตุผล หลังจากที่ไม่เอาเขาแล้ว เราก็บอกบรรดาแกนนำเหล่านั้นว่า คุณไปช่วยพรรคเพื่อไทยไม่มีปัญหาหรอก แต่คุณอย่ามากล่าวหาคนอื่น เพราะว่า ถ้าจะเลือกในทางผลประโยชน์ทั้งปัจจุบันและอนาคต ก็ต้องเลือกพรรคเพื่อไทย จะไปเลือกนายกท้องถิ่นคนเดียวได้ยังไง
นายจตุพร กล่าวอีกว่า เราเองก็เห็นว่าตระกูลนี้ เขา"เสมอต้นเสมอปลาย"กับคนเสื้อแดงมากว่า 10 ปี โดยเฉพาะแกนนำจากส่วนกลาง เมื่อเทียบเคียงกับอีกกรณีหนึ่งจะเห็นว่า สองมาตรฐานชัดเจน กรณีภาคอีสานจังหวัดหนึ่ง ผู้สมัครนายก อบจ. อยู่"พลังประชารัฐ" ตอนหาเสียงก็ไปช่วยพลังประชารัฐเต็มตัว จนกระทั่งคนเพื่อไทยไปร้อง กกต.เป็นข่าวปรากฏไปทั่ว ปรากฏว่า ก่อนลงสมัครเพื่อรับเลือกตั้ง 3 วัน ลาออกจากพลังประชารัฐ มาอยู่พรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทย ก็ยกทัพไปกล่าวสดุดีว่า เป็นนักประชาธิปไตย แล้วทัพชุดเดียวกันนั่นแหละมาถล่ม "บุญเลิศ" ที่เชียงใหม่ว่า ไปอยู่กับพลังประชารัฐ แล้วอีกคนหนึ่งที่ร่วมแถลงข่าวเนี่ย คนก็โทรไปถามว่า ใครเป็นคนสั่ง เขาก็บอกว่าเป็นผู้ใหญ่ มองไม่ยากหรอกว่า ใครคือผู้ใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ทำลักษณะอย่างนี้ ซึ่งก็เป็นผู้ใหญ่ที่สร้างความวุ่นวายในเชียงใหม่ เพราะจะว่าไป ทำหลากหลายเรื่องเป็นปัญหามาแล้ว ที่จริงมันไม่ควรจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นเลย
เราเองก็เห็นว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ยุติธรรมกับตระกูล "บูรณุปกรณ์" เขารับใช้กันมา ตั้งแต่ ไทยรักไทย, พลังประชาชน, เพื่อไทย กว่า 20 ปี
สาเหตุอะไร ทำพรรคเพื่อไทย เท "บุญเลิศ"?
นายจตุพร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย มักจะอ้างระบบพรรคเสมอ ทุกคนก็รู้กันทั้งเมืองว่า มันไม่ได้เป็นระบบพรรค มันคือ "ระบบเจ๊" ความจริงคือ วันที่ไม่เอาเขาเนี่ย พรรคพลังประชารัฐยังไม่ตั้ง ช่วงนั้นเป็นช่วงรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แล้วเขาก็ติดคุกตามนโยบายพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทย มอบหมายงานให้เขาไม่รับร่างรธน. หลานเขา ส.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ตอนลงเลือกตั้ง ก็กลั่นแกล้งเขาแทบตายจะไม่ให้ลง ให้เขาลงในนาทีสุดท้าย วันนี้เขาก็แสดงจุดยืนอย่างแข็งขันให้กับน้องๆ นักศึกษา เด็กนักเรียนถูกจับ เขาก็ยืนยันจะประกันตัวให้เอง วันใช้แก๊สน้ำตา ฉีดน้ำ เขาลุกขึ้นมาซัดในสภา
เพราะฉะนั้น พรรคเพื่อไทย อย่าได้อ้างเหตุผลด้วยลักษณะการใส่ร้ายว่า เขาไปพลังประชารัฐ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ไป แต่กรณีที่พรรคเพื่อไทย ไปเอาคนพลังประชารัฐมา แล้วก็ไปเชิดชูเป็นประชาธิปไตย ก็เป็นคนชุดเดียวกับที่มาถล่มที่เชียงใหม่ บอกว่า "บุญเลิศ" ย้ายไปพลังประชารัฐ ข้อกล่าวหานี้เป็นข้อหาที่อยุติธรรมมาก
ยังไงก็ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทยใช่ไหม?
ประธาน นปช.กล่าวว่า ความจริงผมเป็นสมาชิกพรรคไหนไม่ได้อยู่แล้ว ที่ผ่านมาตอนที่พี่ติดคุก ก็มีบุคคลที่คนในพรรคให้ความนับถือมาชวนที่คุก ให้ออกมาช่วยระดมเสียงให้กับฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งเราก็เป็นคนพูดเองว่า “พรรคเพื่อไทยจะไม่ได้บัญชีรายชื่อสักคนนะ จะต้องวางแผนใหม่แล้วเอาคะแนนไปเทรวมในตอนปลาย” ผมก็มาช่วยด้วยในสภาพที่ไม่พร้อม เลือกตั้งเสร็จผมก็ประกาศยุติบทบาทกันโดยสิ้นเชิง เสร็จเลือกตั้งนี่ผมไม่เคยเหยียบพรรคเลยแม้แต่วันเดียว ทำหน้าที่ช่วยเสร็จก็กลับ
วันนี้กรณีพรรคเพื่อไทย ผมถูกตัดสิทธิ์เป็นสมาชิกพรรคการเมืองไหนไม่ได้ แต่เราไม่ได้เป็นศัตรูกัน ผมก็ยังบอกว่า บรรดาผู้แทนก็อย่าได้วิตก เพราะว่าเรื่องนี้จะไม่ได้กระทบอะไรกับผู้แทน แต่ผมก็มิอาจเห็นด้วย กับวิธีการผลักไสคนที่ซื่อสัตย์ ไปตั้งข้อกล่าวหาว่าเขาทรยศไปอยู่พลังประชารัฐ ทั้งๆ ที่พรรคทรยศกับเขาก่อน ความจริงจะบอกว่าพรรคก็ไม่ได้ ความจริงก็คือ "เจ๊" นั่นแหละ ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่ไปดูผลสอบของ วิชา อย่างคดีที่สะเทือนใจคนทั้งบ้านทั้งเมืองอย่างคดีบอส อยู่วิทยา ผมยังชวนพรรคเพื่อไทยว่า เราไปพบ วิชา มหาคุณ กันไหม ถ้าไม่มีรายชื่อ คุณก็เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ถ้ามีชื่อ คุณจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร เพราะไม่เอาเรื่องสองมาตรฐาน และความอยุติธรรม
หากพี่ตู่กลับไปเล่นการเมืองได้ จะไปหาพี่แรมโบ้อย่างที่เขาลือกันหรือไม่?
นายจตุพร กล่าวต่อว่า คนที่กล่าวหา ผมไม่รู้จัก ผมเนี่ยตอนอายุยังไม่ถึง20 ไปเป็นครูอาสา ครูดอย ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ รวมเวลา 3 ปีเศษ โดยไม่รับเงินเดือนแม้แต่บาทเดียว หลังจากนั้นมาเรียนรามคำแหง จนกระทั่งมาเจอเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ" หลังจากถูกสลายที่ราชดำเนิน ผมก็เป็นคนนำทัพต่อสู้ที่รามคำแหง เป็นฐานที่นั่งสุดท้ายฝ่ายประชาชนในปี 2535 จนกระทั่งเป็นจุดชี้ขาด ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเรียกคู่กรณีออกมาหย่าศึก ผมก็ลงเวทีมือเปล่า เพราะฉะนั้น ผมสู้ทางการเมืองบนท้องถนนมาอย่างยาวนาน
ลั่น ไม่เป็นธรรม ทำไมมาประฌามผมข้างเดียว?
จนกระทั่งเหตุการณ์ เมษา พฤษภา ปี 53 และ ปี 57 ผมอยู่ในสภาน้อยมากถ้าเทียบกับท้องถนน ผมอยู่ท้องถนนมากว่า 30 ปี ถ้าผมต้องการเป็นนักเลือกตั้งเนี่ย ผมคงจะได้ดีกว่านี้ ถ้าความได้ดีที่ว่า คือ ลาภ ยศ และการสรรเสริญ แต่ผมไม่เลือกเส้นทางนั้น ผมเลือกเส้นทางการต่อสู้ของประชาชน เข้าคุกออกคุกกันมาแล้ว 4 ครั้ง ถ้าจะเลือกตามเส้นทางอย่างนั้น ก็ไม่มีวิถีชีวิตอย่างวันนี้ เพราะฉะนั้นคนที่กล่าว ถือเป็นการใส่ร้าย เพราะว่า มียกกรณีผมใส่เสื้อเหลือง "ตระกูลชินวัตร" เขาก็ใส่เสื้อเหลือง "พานทองแท้" สมัครจิตอาสา ก่อนผมเสียอีก พรรคเพื่อไทยทั้งพรรค แถลงในนามพรรค ไปสมัครเป็นจิตอาสาใส่เสื้อเหลืองทั้งพรรค ตั้งแต่ผู้บริหาร ยัน ส.ส. "พรรคไทยรักษาชาติ" ก็ไปสมัครเป็นจิตอาสา "อนาคตใหม่" ก็เป็นจิตอาสาใส่เสื้อเหลือง "แล้วทำไมถึงมาประฌามผมคนเดียวล่ะ ถ้าคุณบอกว่าผมใส่เสื้อเหลืองแล้วผมย้ายข้าง แล้วพวกที่ใส่เสื้อเหลืองมาก่อนผมล่ะ?
ชัด มั่นคงในอุดมการณ์ ลั่น ชีวิตนี้ ไม่มีย้ายข้างแน่
ประธาน นปช. กล่าวว่า ถ้าผมจะเลือกการเมืองวิถีชีวิตแบบนั้น ผมก็ไปเป็นนักการเมืองแบบที่นักเลือกตั้งเขาเป็น ไม่ต้องเดือดร้อนด้วย ถึงเวลาก็อภิปรายในสภา เราจะเลือกหนทางลำบากทำไม นี่อยู่มาจนช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้วอีก 5 ปี ก็อายุ 60 แล้ว คิดว่า คนอย่างผมจะเปลี่ยนหรอ แล้วหลังออกจากคุก ก็หาว่าผมไปดีล แลกเปลี่ยนกับการไม่ติดคุก ไม่เป็นความจริงเลย หลังจากนั้นผมก็ไม่รอดสักคดีเดียว แม้กระทั่งคดีที่อภิสิทธิ์ฟ้อง ผมออกมาจากคุก 1 คืน นายอภิสิทธิ์ ให้ทนายไปฟ้องในวันรุ่งขึ้นเลยว่า ยังขังผมไม่ครบ ผมไปค้นฎีกาแล้วเนี่ย เป็นคดีแรกของประเทศไทย ก่อนหน้านี้ก็ขังผมไว้ในเรือนจำ สมัครผู้แทนในเรือนจำ ไม่ยอมให้ออกมาใช้สิทธิ์ ศาลรัฐธรรมนูญ ก็ชี้ผมว่า ขาดคุณสมบัติ เพราะไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ ผมสู้มาอย่างนี้ตลอดชีวิต
"แล้วบั้นปลายชีวิตผมจะไปดีแตกได้อย่างไร เพราฉะนั้น คนอื่นอะ มันทรยศ ผมยกตัวอย่างว่า เลือกตั้ง อบจ.คราวนี้ หลายพื้นที่ที่เพื่อไทย ร่วมกับพลังประชารัฐ วันเลือกตั้งเสร็จ จะได้เห็นกันเลยว่า ใครเป็นใคร มาตบตาอะไรผม ผมชี้ถูกหมดอะ คือ ผมเป็นคนการเมือง ผมรู้ผมเห็น ยกตัวอย่างเมื่อกี้ ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ 3 วันมาอยู่เพื่อไทย ก่อนหน้านี้ด่าเขาเกือบตาย" นายจตุพร กล่าว...
คอการเมืองคงต้องจับตาหลังจบศึกเลือกตั้งนายก อบจ. ความสัมพันธ์ ระหว่าง "จตุพร" กับพรรคเพื่อไทย งานนี้ เข้าตำรา "ยามรักกัน น้ำต้มผักก็ยังว่าหวาน"
ผู้เขียน : เดชจิวยี่
กราฟิก :Varanya Phae-araya